ตัวเลขของประชากรคนไร้บ้านที่อาศัยอยู่ตามท้องถนนในรัฐแคลิฟอร์เนียเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สถานการณ์คนไร้บ้านที่เพิ่มสูงขึ้นกลายเป็นแบบทดสอบความอดทนอดกลั้นและความเห็นอกเห็นใจของผู้คนในรัฐแคลิฟอร์เนียซึ่งภูมิอกภูมิใจในความเสรีนิยมของรัฐ
การไม่มีที่อยู่อาศัยเป็นปัญหาที่แก้ไม่ตกของเมืองใหญ่ ๆ ในรัฐแคลิฟอร์เนียมาเป็นเวลาหลายทศวรรษ และรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ในบางพื้นที่ เช่น ในเมือง San Jose ที่ปัจจุบันมีประชากรคนไร้บ้านถึง 6,200 คน (โดยถือเป็นจำนวนที่เพิ่มสูงขึ้นถึง 42 เปอร์เซ็นต์ ภายในระยะเวลาเพียง 2 ปี) นอกจากนี้ในเมือง Oakland จำนวนคนไร้บ้านก็เพิ่มสูงขึ้นถึง 47 เปอร์เซ็นต์ ในเมืองซานฟรานซิสโกเพิ่มขึ้น 17 เปอร์เซ็นต์ และในลอสแอนเจลิส 12 เปอร์เซ็นต์
จากสถานการณ์คนไร้บ้านที่เพิ่มขึ้น ผู้อยู่อาศัยบางคนในเมืองซานฟรานซิสโกบางคนวางหินบนทางเท้ารอบบ้านเพื่อกีดขวางไม่ให้คนไร้บ้านกางเต็นท์และนอนบนทางเท้า ผู้อยู่อาศัยในเมืองลอสแอนเจลิสก็จงใจปลูกพืชพันธุ์ที่มีหนามแหลมบนทางเท้าเพื่อไม่ให้คนไร้บ้านมานอน คนไร้บ้านบางคนถูกปาก้อนหินใส่ โดนด่าทออย่างเสียหาย หรือแม้กระทั่งถูกพ่นสเปรย์พริกไทยใส่ เมื่อสองสัปดาห์ก่อนมีชายคนหนึ่งยิงลูกกระสุนซ้อมจากปืนไรเฟิลไปตามเต็นท์ของคนไร้บ้าน โดยที่ชายคนดังกล่าวพูดว่า “เป็นเพียงการซ้อมยิงใส่เป้าหมาย” ผู้อยู่อาศัยในรัฐแคลิฟอร์เนียบางคนถึงกับกล่าวว่า “ความเห็นอกเห็นใจแก่คนไร้บ้านเป็นสิ่งที่ไม่ควรมี”
Candice Elder ผู้ร่วมก่อตั้งและผู้บริหารระดับสูงของ The East Oakland Collective (องค์กรช่วยเหลือคนไร้บ้าน) กล่าวว่าแนวคิดสุดโต่งเช่นนี้ เป็นที่แพร่หลายเป็นอย่างมากในปัจจุบัน “เมื่อคนทั่วไปคิดถึงวิกฤตคนไร้บ้าน บางครั้งมนุษยธรรมก็ถูกละเลย” Lucrecia Macias ผู้เคยเป็นพยาบาลและมีบ้านอยู่ ก่อนที่เธอจะเป็นโรคมะเร็งซึ่งทำให้ความมั่นคงทางการเงินของเธอสั่นคลอน และต้องออกมาใช้ชีวิตบนท้องถนน กล่าวว่า “ฉันคิดว่ารัฐบาลใส่ใจสัตว์มากกว่าพวกเรา พวกเขาสร้างสวนสาธารณะให้สุนัขแต่ไม่ยอมสร้างที่อยู่อาศัยให้เรา”
ที่มา: The New York Times