สภาวะไร้บ้าน วิกฤติที่ถูกซ้ำด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ

“เราต้องเลิกมองว่าปัญหาคนไร้บ้านกับปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นคนละเรื่องและเริ่มแก้ปัญหาทั้งสองไปพร้อม ๆ กัน”


[ภาพ: Karl Mondon/Digital First Media/The Mercury News/Getty Images]

ปีที่แล้วตอนไฟป่าเผาเมือง Paradise รัฐแคลิฟอร์เนีย ผู้คนกว่า 50,000 ชีวิตต้องอพยพจากที่อยู่อาศัย บ้านกว่า 15,000 หลังคาเรือนถูกทำลาย และจนถึงตอนนี้มีประชาชนเพียง 10% เท่านั้นที่สามารถกลับไปพักอาศัยบ้านเดิมได้ ขณะที่คนส่วนใหญ่ยังดิ้นรนหาที่อยู่ในแคลิฟอร์เนีย ที่ซึ่งราคาค่าเช่าหรือซื้อบ้านจัดว่าอยู่ในกลุ่มที่สูงที่สุดในประเทศ

โศกนาฏกรรมไฟป่าที่แคลิฟอร์เนียแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า วิกฤติความไม่เท่าเทียมทางเศรษฐกิจและการเปลี่ยนแปลงทางสภาพอากาศนั้นเกี่ยวข้องกัน คนอเมริกันกว่า 44 เปอร์เซ็นต์หรือราว 140 ล้านคนอยู่ในสภาวะยากจน และอเมริกาขาดแคลนบ้านกว่าเจ็ดล้านหลังสำหรับผู้มีรายได้น้อย ในขณะที่เหตุการณ์ไฟป่าหรือเฮอร์ริเคนอย่างเฮอร์ริเคนมาเรียซึ่งทำลายบ้านกว่า 200,000 หลัง เกิดบ่อยขึ้นและรุนแรงขึ้น

รายงานฉบับใหม่จาก The Center for American Progress (CAP) บอกว่าการตอบสนองต่อภัยพิบัติอย่างไฟป่าหรือน้ำท่วม ล้มเหลวในการช่วยเหลือกลุ่มคนเปราะบางที่ได้รับผลกระทบจากทั้งภัยธรรมชาติและการเข้าถึงที่อยู่อาศัย กลุ่มคนที่เปราะบางมากอย่างกลุ่มคนผิวสีหรือคนรายได้น้อย มีความเสี่ยงสูงที่สุดเมื่อเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติ เพราะไม่มีทรัพยากรในการเคลื่อนย้ายที่อยู่ก่อนจะเกิดภัยพิบัติ และไม่มีทรัพยากรมาสร้างที่อยู่อาศัยใหม่หลังจากภัยพิบัติเกิดขึ้น ภัยพิบัติทางธรรมชาติและการเข้าถึงที่อยู่อาศัยจึงเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกัน และต้องได้รับการแก้ไขไปพร้อม ๆ กัน

รายงานของ CAP นั้นมีเป้าหมายเพื่อ “เชื่อมโยงวิกฤติการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศและการเข้าถึงที่อยู่อาศัย” เพื่อให้เจ้าหน้าที่เห็นว่าประเด็นทั้งสองเกี่ยวข้องกันอย่างไรและเห็นถึงความจำเป็นที่จะต้องทำงานร่วมกันในการแก้ไขปัญหา และเพื่อเรียกร้องให้หน่วยงานรัฐทุกภาคส่วนเตรียมพร้อมก่อนเกิดภัยพิบัติรุนแรง โดยการเตรียมที่อยู่และทรัพยากรไว้สำหรับกลุ่มคนเปราะบาง รายงานดังกล่าวยังพบอีกว่าสภาวะการไร้บ้านและการเข้าถึงที่อยู่อาศัยทับซ้อนกับภัยธรรมชาติอย่างน่ากังวล รัฐอย่างแคลิฟอร์เนีย นิวยอร์ก ฟลอริดา เท็กซัส และวอชิงตัน ที่ประชากรคนไร้บ้านกว่าครึ่งของประเทศอาศัยอยู่ เป็นรัฐที่ราคาที่อยู่อาศัยสูงที่สุดในสหรัฐอเมริกา และยังเป็นรัฐที่สุ่มเสี่ยงต่อภัยพิบัติทางธรรมชาติมากที่สุดด้วย เมื่อไหร่ก็ตามที่เกิดภัยพิบัติขึ้น สิ่งที่เกิดขึ้นมิใช่เพียงแค่โศกนาฏกรรมที่เกิดต่อมนุษย์ แต่คือวิกฤติเชิงโครงสร้างที่ทำลายที่อยู่อาศัยของผู้มีรายได้น้อยซึ่งขาดแคลนที่อยู่อาศัยอยู่แล้ว

ที่มา: https://www.fastcompany.com/90386051/homelessness-is-already-a-crisis-but-climate-change-makes-it-much-worse