‘เราไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้น’: ชีวิตในศูนย์คนไร้บ้านกรุงนิวเดลี ภายใต้ล็อคดาวน์

เด็กไร้บ้านป้อนข้าวน้องสาวในศูนย์กีฬาที่ถูกแปลงเป็นศูนย์พักพิงระหว่างที่อินเดียปิดประเทศ 21 วัน
ที่มา: REUTERS/Adnan Abidi

นิวเดลี – แม้แต่ก่อนที่อินเดียจะปิดประเทศ ปริยา เคล และครอบครัวของเธอ ปากกัดตีนถีบและพักอยู่ในศูนย์พักพิงที่ยั้วเยี้ยไปด้วยแมลงสาปในกรุงนิวเดลี

จากข้อมูลสำมะโนครัว อินเดียมีคนไร้บ้านอยู่ราว 1.7 ล้านคน แต่ภาคประชาสังคมก็บอกว่าจริงๆ แล้วตัวเลขคนไร้บ้านอาจสูงถึงสามล้าน ในทุกๆ วัน คนหลายพันคนอพยพจากต่างจังหวัดเข้ามาในเมืองหลวงเพื่อหางานทำและเพื่อชีวิตที่ดีกว่า แต่เพราะไม่มีที่พักอาศัยราคาถูกเพียงพอ คนจำนวนมากจึงจบลงในสลัมหรือบนท้องถนน

นิวเดลีมีคนไร้บ้านอยู่ประมาณ 200,000 คน ในจำนวนดังกล่าว มีคนไร้บ้านเพียงร้อยละ 10 (ประมาณ 20,000 คน) ที่ได้อาศัยอยู่ในศูนย์พักพิงอย่างเคลและครอบครัวของเธอ แต่ศูนย์พักพิงที่เธออยู่ก็มีคนไร้บ้านอีกเป็นร้อยครอบครัวอาศัยอยู่ด้วย เคลบอกว่าสภาพในศูนย์ทำให้เป็นไปไม่ได้เลยที่จะเว้นระยะห่างทางสังคม


ต่อไปนี้คือเรื่องราวของเคล หญิงไร้บ้านอายุ 32 ปี

“ฉันอยู่ในศูนย์พักพิงมา 10-12 ปีแล้ว ฉันเคยอาศัยอยู่ตรงทางเท้าแถวๆ สถานีรถไฟ แต่หลังจากที่ฉันแต่งงาน สามีกับฉันต่างก็หวังว่าเราจะได้เช่าห้องอยู่ด้วยกัน แต่เรามีเงินไม่มากพอ เลยมาอยู่ที่ศูนย์พักพิงกันแทน

ในศูนย์พักพิงที่เราอยู่ มีครอบครัวอื่นๆ อีกกว่าร้อยครอบครัว เราไม่มีห้องแยก ทุกคนใช้พื้นที่ร่วมกัน แต่แขวนม่านกั้นเพื่อให้มีความเป็นส่วนตัวบ้าง ศูนย์มีเตียงไม่พอ บางคนเลยต้องนอนบนพื้น ฉันก็นอนบนพื้น เราเก็บของไว้ในหีบกล่อง ที่นี่ไม่ได้สะอาดนัก มียุงกับแมลงสาปอยู่เยอะ แต่ก็ดีกว่าไปนอนบนทางเท้าตอนฝนตกแดดออก

สามีของฉันทำงานเป็นพนักงานทำความสะอาดในอาคารสำนักงาน แต่ตั้งแต่ปิดประเทศ บริษัทต่างๆก็ปิดหมด ตอนนี้เขาพยายามหางานอื่นมาพักนึงแล้ว แต่พอเขาออกไปข้างนอก ตำรวจก็บอกว่าเขาออกไปไม่ได้นะ เขาเลยต้องกลับเข้ามา

เราลำบากกันมาก เพราะตอนนี้สามีฉันหาเงินไม่ได้ ในศูนย์พักพิงก็ไม่มีอาหาร รัฐบาลกรุงเดลีให้แป้ง ข้าว น้ำมันทำอาหาร เกลือ แล้วก็ถั่วเลนทิลแก่ทุกๆครอบครัว แต่เราไม่มีแก๊สทำอาหาร ลูกๆ เลยออกไปหาฟืนมา ตำรวจไม่ได้เคร่งครัดกับเด็กๆ มาก แต่พวกเขาก็ออกไปข้างนอกนานๆ ไม่ได้

เรากินข้าวกับถั่วเลนทิล ไม่ก็โรตีกับเลนทิล แล้วก็เกลือกับพริกเขียว เราไม่มีผักหรือนมกิน และเราไม่มีเงินซื้ออะไรมากไปกว่านี้ มีอยู่ช่วงนึงที่มีคนเอาอาหารมาแจก แต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว เราต้องเอาตัวรอดกับของที่รัฐบาลแจกให้

เด็กๆ ต้องไปโรงเรียน  แต่ตอนนี้โรงเรียนปิด พวกเขาเลยนั่งอยู่ในศูนย์ทั้งวัน มันยากที่จะหาอะไรให้พวกเขาทำ มีเด็กคนอื่นๆ อยู่ในศูนย์เหมือนกัน บางทีเด็กๆ ก็เล่นด้วยกัน แต่ก็ไม่ได้มีอะไรให้พวกเขาเล่นได้มากนัก

เราได้ยินเรื่องไวรัสโคโรน่ามา เราได้ข้อความจากรัฐบาลที่บอกให้เราอยู่ในบ้าน ล้างมือ แล้วก็สวมหน้ากากอนามัยถ้าออกไปข้างนอก เราได้หน้ากากอนามัยคนละอัน แต่เราไม่มีสบู่เพียงพอให้ล้างมือได้บ่อยๆ

ไม่มีหมอมาที่ศูนย์พักพิง ถ้าใครสักคนที่นี่ป่วย มันจะยากลำบากมาก เพราะศูนย์เล็กนิดเดียว แล้วก็ไม่ได้มีพื้นที่มากพอให้คนกักตัว

เราได้ยินมาว่าคนไร้บ้านถูกตำรวจไล่ต้อนไม่ให้อยู่บนถนน และถูกเอาตัวไปอยู่ในแคมป์ คนไร้บ้านบางคนโดนซ้อม บางคนก็ไม่ได้เอาของใช้ส่วนตัวติดไปด้วย

คนไร้บ้านหลายคนเป็นแรงงานอพยพจากรัฐอื่นๆ เราได้ยินมาว่าบางคนก็กลับไปยังหมู่บ้านเดิม ถึงแม้ว่าจะไม่มีรถไฟหรือรถบัสพาไปก็ตาม เราไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้น ไม่รู้ว่าอาทิตย์หน้าหรือเดือนหน้าจะเกิดอะไรขึ้น เราไม่รู้ว่าจะกลับไปทำงานได้เมื่อไหร่ ไม่รู้ว่าเด็กๆ จะไปโรงเรียนได้เมื่อไหร่ ถ้าเราได้อาหารจากรัฐบาล เราก็ยังมีอะไรให้กิน ถ้าไม่ เราก็ไม่เหลืออะไรแล้ว”

ที่มา: REUTERS