จำนวนคนไร้บ้านในอเมริกาปี 2016 เพิ่มสูงขึ้นครั้งแรก นับตั้งแต่ปี 2016 ในรายงานฯระบุว่า จำนวนในเมืองชายฝั่งตะวันตกพุ่งสูงสุด เนื่องจากไม่สามารถจ่ายต้นทุนด้านที่อยู่อาศัยที่เพิ่มสูงขึ้นได้
ในรายงานสำรวจศึกษาของกระทรวงการเคหะและการพัฒนาเมืองของสหรัฐอเมริกา(HUD) เผยว่า มีคนไร้บ้านเกือบ 554,000 รายทั่วประเทศในช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา ตัวเลขดังกล่าวเพิ่มขึ้นเกือบร้อยละ 1 เมื่อถึงสิ้นปี 2016
คนไร้บ้านจำนวน 193,000 คนจากจำนวนทั้งหมด ไม่ได้อยู่ในศูนย์พักพิง อาศัยอยู่ในยานพาหนะ เต็นท์ ข้างถนน และพื้นที่อื่นๆ ที่ไม่ได้เป็นที่พักอาศัย ซึ่งจำนวนคนไร้บ้านที่ไม่ได้อยู่ในศูนย์พักพิงเพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 9 จากการเปรียบเทียบกับจำนวนเมื่อสองปีก่อน
ในเมืองแถบชายฝั่งตะวันตกมีจำนวนเพิ่มขึ้นสูงสุด ซึ่งเป็นสถานที่ที่มีการสำรวจจำนวนคนไร้บ้านอย่างน้อยสิบเมือง และรัฐบาลเพิ่งประกาศให้เป็นปัญหาที่ต้องแก้ไขเร่งด่วนเมื่อปี 2015
เจ้าหน้าที่รัฐ นักเคลื่อนไหวรณรงค์ปัญหาคนไร้บ้าน และคนไร้บ้านในย่านนั้นต่างบอกว่า เป็นปัญหาที่เกิดจากความเฟื่องฟูทางเศรษฐกิจในโซนนี้
ค่าเช่าที่สูงเกินกว่าที่คนทำงานรายได้น้อยจะสามารถแบกรับได้ จนเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมาคนกลุ่มนี้ต้องออกหาสถานที่ที่จะอยู่อาศัยเรื่อยๆ และปัจจุบัน ต้องยอมจำนนชั่วคราว และออกมาอยู่บนท้องถนน
“คนจำนวนมากในอเมริกา ไม่ตระหนักว่าการมีเช็ค 2 ใบ 3 ใบ 4 ใบ อาจช่วยทำให้คนไม่ไร้บ้าน” โทมัส บัทเลอร์ กล่าว เขาอาศัยอยู่ในเต็นท์ใกล้ทางด่วนในเมืองลอสแอนเจลิส
บัทเลอร์ กล่าวอีกว่า ตัวเขาอยู่ระหว่างการขอมีบ้าน ซึ่งเป็นหนึ่งในกระบวนการของการมีบ้านอย่างถาวรที่รัฐเปิดโอกาสให้ เขาอาศัยอยู่แบบคนไร้บ้านมาเกือบสองปีแล้ว
จำนวนตัวเลขในรายงานสนับสนุนประเด็นที่ว่า ผู้คนในแคลิฟอร์เนีย โอเรกอน และวอชิงตัน เคยเจอกับการตั้งแคมป์ริมทางด่วน-แม่น้ำ หน่วยงานท้องถิ่นขาดแคลนงบประมาณในการแก้ไขปัญหาระยะยาว ความขัดแย้งจากการตั้งแคมป์บนท้องถนน หรือแม้แต่การบริจาคอาหารแก่คนไร้บ้าน
ผลกระทบที่น่ากลัวที่สุดจากการสำรวจจำนวนคนไร้บ้านในแถบชายฝั่งตะวันตกคือ คนไร้บ้านตายด้วยโรคไวรัสตับ (hepatitis) โรคนี้ ไวรัสจะอยู่ในจากอุจจาระ เมื่อติดเชื้อแพร่กระจายทำลายตับ โดยระบาดในลอสแอนเจลิส ซานตาครุซ ซานดิเอโก ซึ่งเป็นสถานที่ยอดนิยมของนักท่องเที่ยว แต่เป็นสถานที่ที่มีจำนวนคนมากกว่า 5,600 คน อาศัยอยู่ตามท้องถนน และยานพาหนะ
จำนวนตัวเลขคนไร้บ้านที่เพิ่มสูงขึ้นทำให้รัฐแคลิฟอร์เนียประกาศภาวะเร่งด่วนในช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมา
รายงานของกระทรวงการเคหะและการพัฒนาเมืองของสหรัฐอเมริกา(HUD) เน้นปัญหาคนไร้บ้านแถบเมืองชายฝั่งตะวันตก
ในขณะที่จำนวนคนไร้บ้านในแคลิฟอร์เนีย โอเรกอน และวอชิงตัน เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 14 ในรอบสองปีที่ผ่านมา ซึ่งร้อยละ 23 (180,000 คน) ไม่ได้อาศัยอยู่ในศูนย์พักพิง ซึ่งส่วนใหญ่ปัญหาการไร้บ้านมาจากการขาดแคลนที่อยู่อาศัย
ในเมืองกำลังบูมอย่างซีแอตเทิล รายงานของ HUD แสดงให้เห็นว่า ประชากรที่ไม่มีที่อยู่อาศัยมีจำนวนเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 44 ในช่วงสองปี โดยแตะที่จำนวน 5,500 คน
พื้นที่ตั้งศูนย์บริการให้กับคนไร้บ้านในลอสแอนเจลิส ซึ่งเป็นพื้นที่ใจกลางปัญหาคนไร้บ้าน นับจำนวนคนไร้บ้านได้ 55,000 คน เพิ่มขึ้นมากกว่า 13,000 คน สี่ในห้าคนไม่มีที่พักอาศัย ยังไม่นับอีกหมื่นหนึ่งที่ไม่ได้อาศัยอยู่ข้างถนน หรือในสวนสาธารณะ
เปรียบเทียบกับเมืองนิวยอร์ก คนไร้บ้านมีจำนวนมากกว่า 76,000 คน คนที่ไม่ได้อยู่ในศูนย์พักพิงเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 5 อาจจะต้องขอบคุณการวางระบบในเมืองนิวยอร์กที่สามารถนำคนเข้ามาอยู่ในศูนย์พักพิงได้
ในรัฐชายฝั่งตะวันตก การไร้บ้านกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน เดอะ มันตี้ บาร์ใกล้ตัวเมืองลอสแอนเจลิส จะเปิดร้านช่วงสองทุ่ม โคเรย์ อัลเลน หุ้นส่วนและผู้จัดการทั่วไป ให้เหตุผลว่า เป็นเพราะสถานที่ใกล้ๆมีศูนย์พักพิง และพวกเขาจะให้คนไร้บ้านเข้าไปอยู่ภายในหนึ่งทุ่ม พวกเขาจะรอหลังจากนั้นจึงเปิด หมายความว่า ถนนจะเงียบ
อัลเลนกล่าวว่า คนไร้บ้านจะมาที่บาร์เพื่ออาบน้ำบริเวณอ่างล้างหน้าในห้องน้ำ การเปิดบาร์สองทุ่มจึงเป็นกลยุทธ์ที่พนักงานร้านพยายามจัดการไม่ให้คนไร้บ้านมาขอเงินแขกในร้าน
ธีโอดอร์ นูโบเรอร์ วัย 78 ปี มองต่างมุม เขาเคยรบในสงครามเวียดนาม แต่ปัจจุบันตั้งเต็นท์อยู่ในเมืองลอสแอนเจลิส ซึ่งล้อมรอบไปด้วยย่านธุรกิจและความบันเทิงอันคึกคัก และอพาร์ทเม้นใหม่ๆ ที่ดึงดูดให้คนหนุ่มสาวมาเมืองลำดับสองของประเทศ
“ว้าว มันมีมุมมองได้ล้านแปด” เขากล่าว สำหรับเขาต้องเน้นนโยบายระดับประเทศ ในเมืองลอสแอนเจลิสมักจะถูกโยงเรื่องการเมืองภายใน
“เราต้องหนีจากกรอบคิดที่ว่าท้องถิ่นสามารถแก้ปัญหาได้”
เอริค การ์เซตติ นายกเทศมนตรีของเมืองลองแอนเจลิส กล่าวว่า งบประมาณจากรัฐบาลกลางไม่เพียงพอสำหรับการสร้างที่อยู่อาศัยราคาไม่แพง รวมถึงการต่อต้านคนไร้บ้าน เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดวิกฤติในปัจจุบัน
“ปัญหาคนไร้บ้านในลอสแอนเจลิส ไม่ได้เกิดขึ้นจากสุญญกาศ และ L.A.ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้โดยลำพัง”
อย่างไรก็ดี ปี 2016 จำนวนคนไร้บ้านทั่วทั้งเขตลอสแอนเจลิส (ด้านบนนับเฉพาะในเมือง) ลดลงราวร้อยละ 1.5
ในแคลิฟอเนีย ซึ่งมีเมืองสำคัญอย่าง ซาเมนโต เอลาเมดา ภายในหนึ่งปีมีคนไร้บ้านเพิ่มขึ้นมากกว่า 1,000 คน
อย่างไรก็ตามในรายงานของ HUD แสดงให้เห็นถึง จำนวนคนไร้บ้านในภูมิภาคอื่นที่ลดลงเรื่อยๆ โดยทั่วประเทศมีจำนวนลดลงร้อยละ 13 ตั้งแต่ปี 2010 และจำนวนคนไร้บ้านที่ไม่มีที่พักอาศัย(รวมอาศัยในรถ) ลดลงร้อยละ 17 ในช่วง 7 ปี แม้ว่าการเปลี่ยนแปลงวิธีคำนวนนับจะมีผลต่อการเปรียบเทียบก็ตาม
พื้นที่ที่จำนวนคนไร้บ้านลดลงได้แก่ แอตแลนตา ฟิวลาเดเฟีย ไมอามี่ เดนเวอร์ และฮาวาย ซึ่งประกาศภาวะเร่งด่วนไปเมื่อปี 2015
การสำรวจนับจำนวนนับทั้งในศูนย์พักพิงและบนท้องถนน ในขณะที่การนับจำนวนเพื่อแสดงให้เห็นว่า “คนไร้บ้านในช่วงเวลาที่นับมีจำนวนเท่าไหร่” ยังไม่สมบูรณ์ ซึ่งคนทำงาน และรณรงค์ในประเด็นนี้เชื่อว่า ยังไม่ถูกประมวลออกมา ซึ่งถ้าทำได้จะเห็นแนวโน้ม
รายงานนี้ถูกส่งไปยังสภาคองเกรส และให้หน่วยงานรัฐวิเคราะห์ปัจจัยเพื่อกำหนดงบประมาณเพื่อช่วยแก้ปัญหาคนไร้บ้านต่อไป