รัฐแคลิฟอร์เนียกำลังเผชิญกับปัญหาคนไร้บ้าน และต้องดำเนินการในสองทางคือ หนึ่งย้ายคนไร้บ้านออกจากทางเท้าและนำเข้าไปอยู่ในศูนย์พักพิง และสอง สร้างความเข้าใจกับชุมชนละแวกนั้น ซึ่งต่อต้านการสร้างแคมป์คนไร้บ้าน
แคมป์คนไร้บ้านในเมืองลอสแอนเจลิส – Jae C. Hong/Associated Pres
ในเมืองลอสแอนเจลิส ซึ่งมีจำนวนคนไร้บ้านอยู่มากถึง 25,000 คน ถือได้ว่าเป็นวิกฤตคนไร้ที่อยู่อาศัย ล่าสุดเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (16 เมษายน 2561) เอริก การ์เซตติ (Eric Garcetti) นายกเทศมนตรีของเมือง ได้ประกาศจัดงบประมาณจำนวน 20 ล้านเหรียญดอลลาร์ เพื่อสร้างความเข้าใจกับชุมชน และสร้างศูนย์พักพิงชั่วคราว ขนาด 100 เตียง บนที่ดินที่ท้องถิ่นเป็นเจ้าของ ทั่วทั้ง 15 เขต
และเพื่อให้โครงการสร้างศูนย์พักพิงคนไร้บ้านจำนวน 1500 เตียงรวดเร็วขึ้น เขาได้ประกาศสภาวะเร่งด่วน ส่งผลให้สามารถจัดการข้ามเขตได้ ทำให้นโยบายนี้ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง
ปีเตอร์ ลีนน์ ผู้อำนวยการบริหารสำนักงานบริการคนไร้ที่อยู่อาศัย กล่าวว่า ศูนย์พักพิงชั่วคราวเป็นเพียงแค่จุดเชื่อมให้ผู้คน เพื่อรอเวลาไปสู่การมีที่อยู่อาศัยอย่างถาวร มีบ้านที่มาจากเงินของพวกเขาเอง
“จุดประสงค์ของมัน ไม่ใช่ศูนย์พักพิงสำหรับทุกคน ซึ่งมันโอเค ถ้าเรามีทรัพยากรอยู่อย่างไม่จำกัดอ่ะนะ”
ในแต่ละเขตไม่ได้ถูกบังคับให้สร้างศูนย์พักพิง และอาจถูกริบงบประมาณซึ่งนั้นรั้งแต่จะทำให้เกิดปัญหาเพิ่มมากขึ้น
“เราไม่ได้บังคับให้ทุกเขตต้องทำตามโครงการนี้”
“เรามั่นใจว่า จะเกิดการเห็นพ้องต้องกันว่า เราต้องการโครงการเหล่านี้ และคุณจะเห็นความคืบหน้าของมันได้อย่างรวดเร็ว” แมตต์ เอสซาโบ รองนายกเทศมนตรี กล่าว
การดำเนินการตามแผนนี้ สำนักงานเมืองจะจัดการย้ายแคมป์คนไร้บ้านแต่ละจุดไปอยู่ในศูนย์พักพิงชั่วคราว
“เราไม่ได้พยายามจะบอกว่า แผนการนี้จะทำให้เราดูแล และเข้าถึงกลุ่มประชากรไร้บ้านทั้งหมด แต่เราเชื่อว่ามันจะทำให้เกิดจุดเปลี่ยนอย่างมีนัยสำคัญ” ซูซี เอ็มเมอร์ลิง ผู้อำนวยการด้านการสื่อสาร สำนักงานเมืองลอสแอนเจลิส กล่าว
ที่มา: The New York Times