งานวิจัยชี้หน่วยงานด้านสาธารณสุขต้องให้ความสำคัญในการป้องกันและดูแลกลุ่มคนไร้บ้าน

The Lancet วารสารทางด้านการแพทย์ที่มีชื่อเสียง ได้รายงานผลการศึกษาของนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเบอร์มิงแฮม ว่าการประกาศใช้กฎหมาย Homeless Reduction Act ของอังกฤษได้ทำให้หน่วยงานด้านสุขภาพของรัฐต้องมีบทบาทเชิงลุกในการป้องกันและสนับสนุนคนไร้บ้านในฐานะกลุ่มประชากรที่ได้รับผลกระทบจากความเหลื่อมล้ำทางสุขภาพมาอย่างยาวนาน

อังกฤษใช้กฎหมายใหม่เพื่อหวังลดการไร้บ้านที่มีอัตราเพิ่มขึ้นอย่างน่ากังวลในช่วงหลายปีที่ผ่านมาโดยเฉพาะในเขตเมือง ซึ่งงานวิจัยชี้ว่ากฎหมายนี้จะส่งผลให้ผู้ให้บริการด้านสุขภาพในอังกฤษ ต้องมีบทบาทเชิงรุกเพื่อช่วยลดการไร้บ้านให้ได้ตามเป้าหมาย

พระราชบัญญัติลดการไร้บ้าน (The Homeless Reduction Act) กำหนดหน้าที่ทางกฎหมายให้สภาเมืองและผู้ให้บริการด้านสุขภาพในอังกฤษดำเนินมาตรการเพื่อลดการไร้บ้าน โดยช่วยเหลือผู้ที่สุ่มเสี่ยงไร้บ้านให้เข้าถึงการสนับสนุน ข้อมูลและคำแนะนำฟรี กฎหมายนี้มีผลบังคับใช้เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ซึ่งงานศึกษาจากมหาวิทยาลัยเบอร์มิงแฮมที่ได้รับการเผยแพร่ผ่านวารสารทางการแพทย์อย่าง “The Lancet” ชี้ว่ากฎหมายนี้เรียกร้องให้ผู้ให้บริการด้านสุขภาพมีบทบาทเชิงรุกในการป้องกันและจัดการการไร้บ้าน โดยมีหน้าที่ส่งต่อผู้รับบริการด้านสุขภาพที่พิจารณาแล้วว่าอาจเป็นคนไร้บ้าน กลุ่มเปราะบาง หรือกลุ่มเสี่ยงต่อภาวะไร้บ้านไปยังหน่วยงานด้านที่อยู่อาศัยของสภาเมืองที่มีหน้าที่รับผิดชอบเพื่อให้ความช่วยเหลืออันเหมาะสม ซึ่งจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในเดือนตุลาคมนี้เป็นต้นไป

กรอบการดำเนินการดังกล่าวทำให้ระบบบริการสุขภาพในอังกฤษต้องพัฒนากลไกที่มีประสิทธิภาพในการพิสูจน์และส่งตัวคนไร้บ้านและเสี่ยงไร้บ้าน เช่น โรงพยาบาลต้องกำหนดและดำเนินการตามระเบียบในการรับและปล่อยคนไข้ออกจากโรงพยาบาลเพื่อให้เกิดวิธีการทำงานที่เหมาะสมในการส่งต่อการดูแลให้สอดคล้องกับหน่วยงานด้านที่อยู่อาศัยของท้องถิ่นระหว่างที่คนไข้ยังพักอยู่ในสถานพยาบาล โดยมีตัวอย่างที่เกิดขึ้นแล้วในอังกฤษที่เจ้าหน้าที่ประสานงานเพื่อคนไร้บ้านสนับสนุนเรื่องแผนหลังการออกจากการพักฟื้นให้กับโรงพยาบาลในท้องถิ่น และหลีกเลี่ยงการปล่อยตัวคนไข้ไร้บ้านออกไปหากรู้ว่าพวกเขาไม่มีที่ไป บริการในลักษณะนี้จำเป็นต้องมีการสื่อสารแลกเปลี่ยนข้อมูล ทำงานและติดตามผลร่วมกันระหว่างภาคส่วนที่เกี่ยวข้องทั้งผู้ให้บริการด้านสุขภาพและสังคม ไปจนถึงทางการท้องถิ่น นอกจากนี้งานวิจัยยังชี้ให้เห็นเช่นกันว่า การทำให้กฎหมายนี้เกิดผลก็มีความท้าทายหลายอย่าง หนึ่งในนั้นก็คือหน่วยงานให้บริการทางสุขภาพและสังคมพบความยากในการสรรหาเจ้าหน้าที่ซึ่งมีทักษะเกี่ยวข้องในการให้คำปรึกษาหรือจัดการกับความต้องการที่หลากหลายซับซ้อนของคนไร้บ้าน

ปี 2560 จำนวนคนไร้บ้านในกรุงลอนดอนเพิ่มขึ้นกว่าสองเท่าเมื่อเทียบกับปี 2554 โดยปัจจัยที่ทำให้ต้องกลายเป็นคนไร้บ้านมีหลากหลายและมักเกิดขึ้นร่วมกัน ทั้งปัญหาด้านความสัมพันธ์ในครอบครัว การเสพสารเสพติด หนี้สิน สุขภาพจิต ความยากจน หรือถูกตัดสวัสดิการช่วยเหลือ ขณะเดียวกัน คนไร้บ้านก็เป็นกลุ่มประชากรที่ได้รับผลกระทบจากความเหลื่อมล้ำทางสุขภาพมาอย่างยาวนาน การขยายบริการเพื่อจัดการกับความต้องการด้านสุขภาพและสังคมที่ซับซ้อนของคนไร้บ้านจึงควรเป็นเรื่องที่จำเป็นต้องให้ความสำคัญ

ที่มา: www.thelancet.com