เมื่อไม่นานมานี้ เว็บไซต์ Huffpost ได้เผยเรื่องราวของ Gerald Stark ชายไร้บ้านในซานดิเอโก้ ประเทศสหรัฐอเมริกา Stark ประสบปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัย เนื่องจากราคาเช่าที่อยู่อาศัยในซานดิเอโก้สูงขึ้น จนเขาไม่สามารถจ่ายได้ Stark ไม่มีที่อยู่อาศัยอื่น และยังถูกไล่ออกจากงาน เขาจึงตัดสินใจใช้ชีวิตอยู่ในรถบ้านเพื่อความอยู่รอด แต่ด้วยกฎหมายของซานดิเอโก้ที่ไม่อนุญาตให้จอดรถบ้านในที่สาธารณะ ทำให้เขาได้รับใบสั่งและเขาต้องเจอกับอัตราค่าปรับที่สูงมาก แม้จะเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมายแต่การไม่มีทางเลือกอื่นทำให้เขายังต้องใช้ชีวิตอยู่ในรถบ้านอย่างหวาดกลัวว่าจะถูกตำรวจจับในทุกๆ วัน
เรื่องราวของ Stark เป็นกรณีตัวอย่างที่เกิดขึ้นจากปัญหาราคาค่าเช่าและค่าใช้จ่ายเรื่องที่อยู่อาศัย ในสหรัฐอเมริกาที่พุ่งสูงขึ้น ส่งผลให้คนจำนวนมากต้องประสบปัญหาการจ่ายค่าเช่าเนื่องจากรายได้ไม่เพียงพอ ทางเลือกของกลุ่มคนเหล่านี้คือการอยู่อาศัยในศูนย์พักพิง แต่ก็จะมักจะเต็มเสมอหรืออาศัยอยู่บนท้องถนน ซึ่งเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย การมีทางเลือกที่จำกัดทำให้คนไร้บ้านส่วนใหญ่เลือกที่จะละเมิดกฎหมายเพื่อความอยู่รอด โดยการอาศัยบนรถบ้านหรืออาศัยในพื้นที่สาธารณะ ซึ่งนอกจากจะต้องอยู่อย่างหวาดระแวงแล้ว คนไร้บ้านมักถูกมองว่าเป็นอันตรายและก่อให้เกิดอาชญากรรมเพิ่มขึ้น
รัฐบาลท้องถิ่นมีการตรากฎหมายให้การอาศัยในรถบ้านหรือการอาศัยในพื้นที่สาธารณะนั้น เป็นเรื่องผิดกฎหมายและทุ่มเงินภาษีไปกับนโยบายการกวาดล้างคนไร้บ้าน แม้มีผลการศึกษาวิจัยที่เสนอชัดเจนว่า การบังคับใช้กฎหมายนี้จัดการกับคนไร้บ้านเป็นการบังคับใช้ที่ไม่มีประสิทธิภาพ สิ้นเปลืองงบประมาณ และยังทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องเสียเวลาในการตรวจจับคนไร้บ้าน แทนที่จะใช้เวลาในการป้องกันปัญหาอาชญากรรมอื่นๆ อีกทั้ง เมื่อคนไร้บ้านถูกจับกุม พวกเขายังต้องจ่ายค่าปรับในราคาสูงมาก จะยิ่งประสบปัญหาในการหางานทำและหาที่อยู่อาศัยยากขึ้นไปอีก
จากรายงานดังกล่าวมีข้อเสนอว่าการแก้ไขปัญหาการไร้ที่อยู่อาศัยเป็นประเด็นของชุมชนและต้องใช้ความต้องการของชุมชนในการแก้ไขปัญหา เจ้าหน้าที่รัฐ สมาชิกในชุมชน ผู้ให้บริการด้านสังคม และผู้บังคับใช้กฎหมาย สามารถทำงานร่วมกันเพื่อใช้มาตรการด้านความปลอดภัยสาธารณะที่มีประสิทธิภาพ เปลี่ยนทิศทางและแยกทรัพยากรออกจากการบังคับใช้กฎหมาย และลงทุนด้านที่อยู่อาศัยราคาไม่แพงโดยจัดทำนโยบายที่สอดคล้องกับสถานการณ์หรือสภาพปัญหาที่เกิดขึ้นจริง
ที่มา www.huffingtonpost.com