เมื่อรัฐไล่ที่คนไร้บ้าน ประชาชนจึงออกมาประท้วง

กลางดึกคืนวันพุธ สัปดาห์ที่ผ่านมา (24 มีนาคม) ประชาชนนับร้อยรวมตัวชุมนุมที่สวนสาธารณะ Echo Park ใจกลางนครลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา เพื่อประณามต่อต้านนโยบายการขับไล่ผู้ไร้บ้านให้ออกจากพื้นที่สาธารณะดังกล่าว และท้ายที่สุดก็เกิดการปะทะกันระหว่างผู้ชุมนุมและเจ้าหน้าที่ตำรวจ

ประชาชนที่สนับสนุนผู้ไร้บ้านได้ออกมาประท้วงการไล่ที่ของรัฐในครั้งนี้
(ที่มา: The Guardian)

นโยบายการขับไล่ผู้ไร้บ้านที่อาศัยในสวนแห่งนี้ สืบเนื่องจากจำนวนผู้ไร้บ้านที่ย้ายเข้ามาตั้งหลักที่ Echo Park เพิ่มสูงขึ้น ทำให้ผู้ที่อาศัยอยู่รอบบริเวณพื้นที่ได้เริ่มร้องเรียนต่อทางการว่า พวกเขารู้สึกไม่ปลอดภัยต่อสภาพบรรยากาศที่มีผู้ไร้บ้านเข้ามาปักหลักจำนวนมาก และขอให้ทางการหาวิธียุติสิ่งนี้และระงับไม่ให้เกิดสภาพแวดล้อมดังกล่าวอีก ต่อมา ทางการได้แจ้งว่า ในต้นปี 2022 สวนแห่งนี้จะถูกปิดเพื่อปรับปรุงทัศนียภาพและซ่อมแซมภายใน และจะให้บุคคลที่อาศัยใช้ชีวิตอยู่ในสวนแห่งนี้ย้ายออกไปยังที่พักที่ทางการจัดเตรียมไว้ให้ 

แต่กลับมีข่าวลือว่า ทางการกำลังจะเข้าล้อมพื้นที่สวนและปิดทำการก่อนกำหนด นั่นคือจะปิดภายในเดือนนี้ อย่างไรก็ตาม ทางการได้ปฏิเสธที่จะให้ข้อมูลเพิ่มเติมถึงแผนการและแนวทางที่จะดำเนินการในโครงการ รวมถึงคำถามที่ว่า จะเกิดอะไรขึ้นกับผู้ที่ปฏิเสธการย้ายออกจากพื้นที่ เมื่อข่าวลือและท่าทีของทางการที่ไม่ชัดเจนเป็นที่รับทราบกันมากขึ้น จึงนำมาสู่การประท้วงในที่สุด

ฝั่งผู้สนับสนุนผู้ชุมนุมเห็นว่า ในระยะยาว ที่พักชั่วคราวตามมาตรการของทางการที่เสนอมานั้นไม่ใช่ทางออกที่ดีนัก และชี้ว่าผู้ที่ตั้งหลักจำนวนหนึ่งในสวนแห่งนี้ ต่างไม่ยินดีที่จะย้ายออก เพราะท้ายที่สุดแล้ว มันอาจลงเอยด้วยการเร่ร่อนตามถนนและไม่มีที่พักพิงอย่างถูกสุขลักษณะและปลอดภัย นอกจากนี้ สังคมผู้ไร้บ้านที่ตั้งหลักในสวนยังได้รวมตัวกันอย่างเหนียวแน่นมากขึ้น และสร้างสังคมภายในที่ให้ความปลอดภัยซึ่งกันและกัน แสดงให้เห็นถึงการลงหลักปักฐานที่มั่นคง ไม่เร่ร่อนไปตามที่ต่างๆ อีก

หลังจากผู้ประท้วงได้รวมตัวกันที่สวนเมื่อวันพุธ (24 มีนาคม) ที่ผ่านมา สำนักงานตำรวจแห่งนครลอสแอนเจลิสได้ประกาศว่า การชุมนุมเมื่อวันพุธนั้นเป็นการชุมนุมที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และมีคำสั่งให้ยุติการชุมนุม และชี้แจงว่าผู้ที่อาศัยอยู่ใน Echo Park สามารถอยู่ในสวนได้ชั่วคราว แต่จะไม่ได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้าออกได้ และสั่งให้ย้ายออกจากพื้นที่ภายใน 24 ชั่วโมง

และก่อนช่วงค่ำของวันพุธนั้น ตำรวจพร้อมอุปกรณ์ป้องกันและอาวุธนับร้อยได้ปรากฎตัวขึ้นใกล้บริเวณที่ชุมนุม และเกิดเหตุปะทะกับผู้ชุมนุมในพื้นที่ และวันรุ่งขึ้น หลังจากเหตุปะทะได้ผ่านไป ทางการนครลอสแอนเจลิสได้นำรั้วมาปิดล้อมบริเวณ Echo Park และถนนโดยรอบ ไม่ให้ใครเข้าออก

Mitch O’Farrell สมาชิกสภาเทศบาลนครลอสแอนเจลิส ผู้สนับสนุนการปิดสวนครั้งนี้ ได้แถลงว่า ผู้ที่อาศัยอยู่ในสวนจำนวน 120 คนได้ย้ายไปอยู่ยังสถานที่ที่ทางการจัดเตรียมไว้ให้แล้ว นอกจากนี้เขายังชี้แจงอีกด้วยว่า ตัวเขาได้ช่วยเสนอแนวทางมากมายในการจัดการปัญหาผู้ไร้บ้านที่อาศัยอยู่ในสวน และเขาเห็นว่าการปิดสวนครั้งนี้ถือเป็นสิ่งจำเป็นต้องทำ

กลุ่มผู้ไร้บ้านที่อาศัยในสวนจึงออกมาตอบโต้และขอให้ O’Farrell ยืนหยัดเพื่อคนไร้บ้านสักครั้ง ไม่ใช่ยืนหยัดแค่กลุ่มคนที่มีที่อยู่อาศัยและผู้มีอันจะกินเพียงฝ่ายเดียว

ที่ผ่านมา กลุ่มผู้เคลื่อนไหวทางสังคมหลายกลุ่มในนครลอสแอนเจลิสต่างเรียกร้องให้ทางการโยกงบประมาณของสำนักงานตำรวจและกิจการที่เกี่ยวข้อง ไปให้กับโครงการช่วยเหลือสังคมและผู้เปราะบางแทน แต่ก็เป็นที่น่าผิดหวังว่า ทางการกลับใช้งบประมาณจำนวนมากไปกับการจัดการผู้ไร้บ้านและผู้ชุมนุมด้วยกำลังตำรวจ

Katherine Solow ผู้อาศัยบริเวณอยู่ถัดจากสวน Echo Park มานานถึง 15 ปี คือคนหนึ่งที่ไม่เห็นด้วยกับการไล่ที่โดยอำนาจรัฐในครั้งนี้และร้องขอให้ทุกคนเห็นใจสภาพที่ลำบากของผู้ที่จำต้องอาศัยอยู่ในสวนแห่งนี้ด้วย และเธอรู้สึกกังวลว่าผู้ไร้บ้านที่ถูกขับออกจากสวนแห่งนี้จะไม่สามารถหาที่อยู่อาศัยที่เหมาะสมได้ และลงเอยด้วยการหลับนอนตามถนนหรือที่สาธารณะต่างๆ แทน

อย่างไรก็ตาม จนถึงเดือนมกราคม 2020 จำนวนคนไร้บ้านในลอสแอนเจลิสนั้นมีมากกว่า 66,000 คน เพิ่มขึ้นถึง 12% เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2019 ด้วยการแพร่ระบาดของ COVID-19 และสภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซายังได้ซ้ำเติมให้วิกฤตคนไร้บ้านนั้นร้ายแรงขึ้นอีก

ที่มา: Los Angeles police clash with protesters in fight to evict major homeless encampment – The Guardian