ลิบบี้ ชาร์ฟ นายกเทศมนตรีเมืองโอกแลนด์ ประเทศสหรัฐอเมริกา กำลังมองหาที่ดินในเมืองเพื่อสร้างแคมป์ที่พักอาศัยแก่คนไร้บ้าน โดยแต่ละแห่งจุได้ 40 คน โดยหวังว่าพวกเขาจะย้ายจากการตั้งเต็นท์ริมทางมาอยู่อาศัยในที่พักอาศัยชั่วคราวแห่งนี้
“เป้าหมายของเรา คือ สร้างที่อยู่อาศัยชั่วคราวให้แก่คนไร้บ้านให้ทันก่อนฤดูฝนจะมาถึง” ชาร์ฟกล่าว
สภาเมืองโอกแลนด์จัดสรรงบประมาณมากกว่า 19,250,000 บาท (550,000 ดอลลาร์) ให้แก่ชาร์ฟเริ่มต้นนโยบายระยะแรก ตามนโยบายจัดตั้งศูนย์นำพาสู่ความสว่าง (Outdoor Navigation Centers) โดยสร้างบ้านพักพิงชั่วคราว( รูปแบบบ้านน็อคดาวน์) 20 หลัง มีห้องน้ำ รั้ว ระบบรักษาความปลอดภัย และจ้างผู้จัดการดูแล แต่แผนงานนี้ยังต้องการการสนับสนุนจากภาคเอกชน
ในช่วงรอบปีที่ผ่านมา เมืองโอกแลนด์กำลังเผชิญกับปรากฏการณ์แคมป์คนไร้บ้านผุดขึ้นราวดอกเห็ด กระจัดกระจายอยู่ริมถนน
ชาร์ฟบอกว่า เป้าหมายของนโยบายนี้ คือ การนำแคมป์คนไร้บ้านออกจากริมทางเดิน เพื่อมาพักอาศัยอยู่ในพื้นที่ที่ได้รับการบริการ และรักษาความปลอดภัย
ที่ดินสามแห่งที่จะนำมาสร้างที่พักอาศัยชั่วคราวแก่คนไร้บ้าน ได้แก่
- ที่ดินในกรรมสิทธิ์ของเมือง เลขที่ 3831 ถนนมาร์ติน ลูเธอร์คิงจูเนียร์ ในฝั่งตะวันตกเมืองโอกแลนด์
- ที่ดินกรรมสิทธิ์ของเมืองฝั่งตะวันออก บนถนนที่ 12 และ 23 ใกล้กับตำบลฟรุตเวล ซึ่งมีแคมป์คนไร้บ้านตั้งอยู่
- ที่ดินบริเวณฝั่งตะวันตกเของมืองโอกแลนด์ติดกับแจ๊คลอนดอนสแควร์ ซึ่งคาลทรานส์ขายให้กับกลุ่มพัฒนาฯ ปัจจุบันบริษัท แปซิฟิคก๊าซ และไฟฟ้า ได้เข้ามาสร้างออฟฟิศแล้ว และไม่ชัดเจนว่าพวกเขาจะจัดสรรพื้นที่ส่วนหนึ่งมาให้แก่กลุ่มคนไร้บ้านหรือไม่
ชาร์ฟ กล่าวว่า เธอต้องการให้เอกชนและองค์กรต่างๆร่วมบริจาค สนับสนุนค่าใช้จ่ายในสร้างศูนย์พักพิงชั่วคราวด้วย ซึ่งบ้านพักพิงชั่วคราวตกหลังละ 115,500 บาท (3,300 ดอลลาร์) คนไร้บ้านสามารถพักอาศัยได้สองคนต่อหนึ่งหลัง และอยู่ได้ไม่เกินหกเดือน
เทศบาลเมืองฯ กำลังพิจารณาอยู่ว่า จะนำระบบอาสาสมัครเข้ามาช่วยจัดการภายในศูนย์ฯ คล้ายกับที่เคยทำมาก่อนนี้ หรือไม่ ขณะที่การจัดระบบอาสาสมัครยังไม่ลงตัว ชาร์ฟบอกเองว่า “เรากำลังเผชิญกับวิกฤต และเรากำลังขยับรับอย่างเร็วที่สุดเท่าที่เราจะสามารถทำได้ ในแนวทางที่รับผิดชอบ และเห็นอกเห็นใจเพื่อนมนุษย์”
นโยบายจัดตั้งศูนย์นำพาสู่ความสว่าง (Outdoor Navigation Centers) อาจได้รับการยอมรับเหมือนศูนย์ในซานฟรานซิสโก เพราะเปิดโอกาสให้คนไร้บ้านเข้ามาอาศัยอยู่ชั่วคราวระหว่างรอกระบวนการมีบ้านถาวร
อย่างไรก็ตาม ศูนย์พักพิงชั่วคราวในซานฟรานซิสโกถูกต่อต้านจากผู้อยู่อาศัยใกล้เคียง ซึ่งชาร์ฟเตรียมใจไว้แล้วว่า เธอคงจะเจอการต่อต้านเช่นเดียวกัน แต่เธอไม่กังวล โดยให้เหตุผลกับสิ่งที่เธอจะทำว่า สถานที่ที่จะใช้นั้น ล้วนแล้วแต่มีแคมป์คนไร้บ้านมาตั้งในละแวกนั้นแล้วทั้งสิ้น นโยบายนี้วางอยู่บนพื้นฐานความคิด “เรียกคืนพื้นที่บนฟุตบาท” ให้แก่สาธารณะ ให้ความปลอดภัยและสภาพแวดล้อมที่ดีแก่ทุกๆ คน
ในขณะเดียวกัน ชาร์ฟกล่าวอีกว่า เทศบาลเมืองกำลังจัดการกับความอันตราย เมื่อเดือนที่แล้ว เราจัดการย้ายแคมป์คนไร้บ้านออกไปจากฟุตบาทสามแคมป์ รวมถึงแคมป์ที่ตั้งอยู่ถนนเลขที่ 85 อินเตอร์เนชั่นเนล บลูวาร์ด ในฝั่งตะวันตกของเมืองโอกแลนด์ ซึ่งสาธารณชนกังวลเรื่องความปลอดภัย เนื่องจากเป็นเส้นทางเดินไปโรงเรียนของเด็ก ส่วนอีกสองแคมป์ตั้งอยู่บนถนน 29 และ 30 อยู่ระหว่างถนนมาร์ตินลูเธอร์คิงจูเนียร์ กับ ถนนเทเลกราฟ
ศูนย์นำพาฯแห่งใหม่นี้อาจใช้โมเดลการจัดการตามแบบเมืองที่เคยทำมาก่อนหน้านี้ เช่น มีโครงการชุมชนเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ นำห้องน้ำ ร้านซักผ้าเคลื่อนที่ และถังขยะเข้ามาในแคมป์คนไร้บ้าน เพื่อทำความสะอาดร่วมกับเทศบาลฯ
ชาร์ฟ กล่าวว่า เทศบาลเมืองจะจัดสุขาเคลื่อนที่ และให้บริการทางสาธารณสุขต่างๆ ให้กับแคมป์คนไร้บ้านอื่นๆ ด้วย เพื่อหลีกเลี่ยงการแพร่ระบาดของไวรัสตับอักเสบ ซึ่งเคยเกิดขึ้นแล้วที่แคมป์คนไร้บ้านในซานดิเอโก้ ครั้งนั้นคร่าชีวิตคนไร้บ้านไป 16 คน และป่วยอีกมากกว่าร้อยคน ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว
สถานการณ์คนไร้บ้านในเมืองโอกแลนด์จากการสำรวจอย่างกว้างๆ ขององค์กรปกครองท้องถิ่น พบว่า มีคนไร้บ้านตั้งแคมป์อยู่จำนวน 2,761 คน เพิ่มขึ้นร้อยละ 25 ในช่วงสองปีที่ผ่านมา ทั่วทั้งเมืองรวมบริเวณริมทะเลสาปเมอร์ริทมีแคมป์คนไร้บ้านอยู่ 12 แคมป์
กล่าวโดยสรุป ชาร์ฟ นายกเทศมนตรีเมืองโอกแลนด์ซึ่งจะลงเลือกตั้งอีกครั้งในปีหน้า เลือกเดินนโยบายสายกลางระหว่างตอบสนองความต้องการของคนในเมือง กลุ่มหนึ่งอยากให้ช่วยจัดการกับฟุตบาทที่เต็มไปด้วยคนไร้บ้าน กับอีกกลุ่มหนึ่งที่ต้องการให้ดำเนินการช่วยเหลือคนไร้บ้านด้วยความอารี
เธอเสนอตัวเลขงบประมาณราว 6,475 ล้านบาท (185 ล้านเหรียญสหรัฐ) ในช่วงสองปีข้างหน้าเพื่อแก้ปัญหาคนไร้บ้าน งบประมาณส่วนใหญ่มุ่งสนับสนุนให้คนมีบ้านในราคาไม่แพง และช่วยคนเหลือกลุ่มคนที่กำลังจะสูญเสียบ้าน
ที่มา : Sanfrancisco Chronicle