การต่อสู้เรื่องสิทธิพลเมือง ในเมืองที่การไร้บ้านกลายเป็นอาชญากรรม

เดนเวอร์/คอนโดและทาวน์เฮาท์ที่เพิ่มขึ้น เคียงคู่ไปกับสถานที่ที่เป็นดังเป็นสวรรค์เล็กๆของแรนดี้ รัชเชล และคนไร้บ้านอื่นๆ พวกเขาอยู่กันเป็นกลุ่ม มีเพียงเต็นท์และถุงนอน แต่ทว่าผิดกฎหมายในสายตาของเจ้าหน้าที่เมืองนิวยอร์ก

แคมป์คนไร้บ้านในเดนเวอร์ เรียงรายคู่กับอพาร์ทเม้นที่สร้างใหม่

การอาศัยอยู่ข้างถนนอาจสร้างปัญหาให้คุณล้านแปด แต่การหาสถานที่ให้คนเหล่านี้กลับเป็นเรื่องยากอันดับหนึ่ง จากข้อมูลจากมลรัฐ คนไร้บ้านจำนวนร้อยละ 32 ไม่มีที่ซุกหัวนอน ในวันที่ 28 พฤศจิกายนที่ผ่านมา นายรัสเซลวัย 56 ปี ซึ่งเป็นหนึ่งในจำนวนคนไร้บ้านที่ไม่มีที่อยู่อาศัย ถูกตำรวจและเจ้าหน้าที่เมืองนิวยอร์กไล่ ขณะนั่งอยู่ในแคมป์ทางหนือย่านใจกลางเมือง

“คืนนี้ ผมไม่มีที่นอนเลยนะ” รัสเซลคุยกับตำรวจ (ในวีดีโอ) “คุณกำลังเอาบ้านผมไป”

แคมป์ของกลุ่มคนไร้บ้านมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นทั่วประเทศ  โดยเฉพาะฟิลาเดลเฟีย ชิคาโก ซีแอตเทิล  เมืองควรเปิดพื้นที่สาธารณะให้กลุ่มคนจนของเมืองเหล่านี้พักอาศัยหรือไม่ หรือควรขจัดแคมป์ที่ผู้นำในเมือง ผู้อยู่อาศัยบริเวณใกล้เคียง และกลุ่มธุรกิจมองว่าเป็นแหล่งยาเสพติด และอาชญากรรมทิ้งไป

บนท้องถนนมีคนตกงาน คนที่ทรมานจากการติดยา คนป่วยทางจิตใจ หรือคนพิการ การไล่รื้อแคมป์คนไร้บ้านเท่ากับเป็นการลงโทษคนจน

นักเคลื่อนไหว และคนไร้บ้านอย่างนายรัสเซลกำลังรณรงค์ต่อสาธารณะและต่อสู้ในชั้นศาล ต่อต้านกฎหมายท้องถิ่นที่ห้ามมิให้มีการตั้ง “แคมป์ในเมือง” (urban camping) เพราะนักเคลื่อนไหวเห็นว่ากฎหมายนี้มีไว้เล่นงานคนไร้บ้าน สิทธิที่จะอยู่อาศัยควรเป็นสิทธิพลเมืองอันใหม่สำหรับกลุ่มคนไร้บ้าน หลายคนติดเข็มกลัดว่า “จะย้ายไปไหน” เพื่อตั้งคำถามท้าทายข้อหาความผิดลหุโทษในกฎหมายห้ามตั้งแคมป์ในเดนเวอร์

“พวกเขาเอาความหมายของคำว่า การเอาตัวรอดของพวกเราไป” เจอร์รี่ เบอร์ตัน ซึ่งถูกไล่ในวันเดียวกับรัสเซลกล่าว

ในปีที่ผ่านมา รัฐบาลของโอบามาพยายามปกป้องคนไร้บ้าน โดยกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯออกจดหมายเตือนกฎหมายใน เมืองบอยซี รัฐไอดาโฮ ว่าอาจขัดกับรัฐธรรมนูญซึ่งให้การคุ้มครองเรื่องการกระทำความรุนแรงและการลงโทษที่ไม่ปกติ นอกจากนี้ กระทรวงการเคหะและพัฒนาเมืองของสหรัฐอเมริกายังออกมากล่าวว่า การทำให้ความไร้บ้านเป็นอาชญากรรมต้องได้รับการพิจารณาตามแต่สถานที่

นักกิจกรรมเคลื่อนไหวในประเด็นคนไร้บ้าน กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า นโยบายดังกล่าวเป็นการเพิ่มอำนาจรัฐ ตอนนี้พวกเขากังวลแค่ว่าเส้นมาตรฐานอยู่ตรงไหน รวมถึงการกระจายงบประมาณเพื่อช่วยเหลือคนไร้บ้านภายใต้รัฐบาลทรัมป์ที่เน้นเรื่อง “กฎหมายและกฎระเบียบ” อีก

“พวกเราค่อนข้างกังวล” มาเรีย ฟอสคารินี ผู้ก่อตั้งและผู้อำนวยการของศูนย์กฎหมายเพื่อคนไร้บ้านแห่งชาติ ซึ่งคาดการณ์ว่าเมืองต่างๆจำนวนกว่าครึ่งหนึ่งในอเมริกาจะต่อต้านกฎหมายฉบับนี้

“ต่อให้คุณรณรงค์ในสิบเมืองได้สำเร็จอย่างรวดเร็ว ก็ไม่เท่ากับคุณเอารัฐบาลท้องถิ่นมาเป็นพวกได้ มันจะเกิดผลในวงกว้างมากขึ้น”

แม้ว่าจำนวนตัวเลขคนไร้บ้านทั้งประเทศของอเมริกาจะลดลง แต่แคมป์คนไร้บ้านกลับเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นในแถบตะวันตก เช่น ซีแอตเทิล ลอสแอนเจลิส เดนเวอร์ และซานฟรานซิสโก ซึ่งเป็นบริเวณที่ราคาบ้านพุ่งสูงขึ้น และอพาร์ทเม้นท์ขาดแคลน ปัจจัยเหล่านี้ผลักดันให้คนไร้บ้าน

เต็นท์และถุงนอนที่เรียงรายริมแม่น้ำ บนถนน ตลอดจนสวนสาธารณะ  สะท้อนให้เห็นว่าเมืองควรมีวิธีในการจัดการอย่างสมดุลระหว่างการให้พักผิงและการใช้กำลัง

ในซีแอตเทิล เมื่อเกิดความรุนแรงใน “จังเกิ้ล” แคมป์คนไร้บ้าน หรือป่าใต้ทางด่วน ทางสภาเมืองเสนอให้คนไร้บ้านจำนวนสามพันคนย้ายไปตั้งแคมป์บริเวณสวนสาธารณะที่ยังไม่ได้รับการพัฒนา

เมื่อคนที่อยู่บริเวณศาลากลางรับรู้ข้อเสนอดังกล่าว เดอะ ซีแอตเทิล ไทม์รายงานว่า มีบางคนตะโกนว่า “จำไว้” บางคนปรบมือ เมื่อนักการเมืองฝ่ายรีพลับบิคบอกว่า “หมดความอดทน”

“ผมจะไม่แก้ปัญหาคนไร้บ้านด้วยการทำให้มันผิดกฎหมาย”

“พวกเขาไม่ได้มีทางเลือกที่ดีมากนัก ทางเลือกที่ดีที่สุดคือนอนใต้สะพาน” ไมค์ โอไบรอัน สมาชิกสภาเมือง และผู้นำเสนอนโยบายให้ที่พักพิงคนไร้บ้าน กล่าว

เหตุผลที่ทางสภาเมืองยกขึ้นมาประกอบเรื่องการเกิดขึ้นของแคมป์คนไร้บ้านมีมากมายหลายประการ  อาทิ การปรับเปลี่ยนการใช้พื้นที่ในบริเวณนั้นๆ การขาดแคลนที่อยู่อาศัย เงื่อนไขในการเข้ามาพำนักที่บ้านพักชั่วคราวยากลำบาก

จากการสำรวจเมื่อเดือนมกราคมปีที่ผ่านมา พบว่า ตั้งแต่ปี 2011 มีคนไร้บ้านที่ไม่ได้อยู่บ้านพักพิงชั่วคราวเพิ่มขึ้นร้อยละ 67

“ภัยคุกคามจากปัญหาคนไร้บ้านจะใกล้ความจริงมากขึ้นเรื่อยๆ”

“พวกเราทุกคนก็รู้ว่า คนพวกนั้นไม่ได้ไปนอนบนม้านั่งเพื่อโต้คลื่น พวกเขากำลังอาศัยอยู่บนพาหนะของตัวเอง ผมเข้าใจคนที่กำลังสูญเสียบ้าน มันน่ากลัวมาก”

ในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ซานฟรานซิสโกชนะคะแนนโหวตเรื่องการห้ามตั้งเต็นท์บนทางเดิน และอนุญาตให้เมืองสามารถย้ายเต็นท์เหล่านี้ได้หลังจากประกาศให้ทราบแล้ว 24 ชม. เดือนกรกฎาคม ฟิลาดิเฟียเพิ่มระยะเวลาข้อบังคับห้ามแจกจ่ายอาหารในสวนสาธารณะเป็นสี่ปี หลังจากตัวแทนคนไร้บ้านและคณะศรัทธาฟ้องร้องสำนักงานเมือง

พอร์ตแลนด์ รัฐโอเรกอน มีปัญหาในการดำเนินนโยบาย “นอนหลับได้อย่างปลอดภัย” หลังจากประกาศใช้หกเดือน(เริ่มกุมภาพันธ์)นายกเทศมนตรีประกาศยกเลิก

แคมป์คนไร้บ้านในฟิลาเดเฟีย ซึ่งรัฐประกาศห้ามแจกสิ่งของในที่สวนสาธารณะ

ในเดนเวอร์ มีการเผยแพร่วีดีโอที่ตำรวจกำลังยึดเต็นท์และผ้าห่มในช่วงฤดูหนาว จึงเกิดกระแสเรียกร้องจากสาธารณชนให้ใช้ปฏิบัติการอย่างนุ่มนวล

หลังจากนั้นมีการมุ่งประเด็นไปที่นโยบายสร้างที่อยู่อาศัยถาวรให้คนไร้บ้านจำนวน 250 ยูนิตของเมือง นำร่องกับกลุ่มใช้ชีวิตอยู่ข้างถนน โดยใช้งบประมาณ 150 ล้านดอลลาร์ ในส่วนของกองทุนเพื่อผู้มีรายได้น้อย -ปานกลาง

เจ้าหน้าที่เดนเวอร์ กล่าวว่า เราไม่มีปัญหาเรื่องพื้นที่ไม่เพียงพอ มีห้องว่างทุกคืน สำหรับทุกคนที่ต้องการ เจ้าหน้าที่มาสำรวจดูก่อนที่พวกเขาจะปฏิบัติหน้าที่ไปรื้อแคมป์ เพื่อให้คนเหล่านั้นย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่

เจ้าหน้าที่ยังประมาณการว่า มีคนไร้บ้านในเดนเวอร์จำนวน 3,500 ถึง 3,600 คน ประมาณ 500 คนไม่ยอมเข้าบ้านพักพิงชั่วคราว

เขากล่าวอีกว่า นายรัสเซล และอีกสองคนที่ถูกไล่รื้อเมื่อปลายเดือนพฤศจิกายนนั้นปฏิเสธความช่วยเหลือ และคำสั่งให้ย้ายออกจากพื้นที่จากเจ้าหน้าที่ตำรวจ คนกลุ่มนี้ไม่ปฏิบัติตาม ตำรวจมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับคนอื่นๆที่อาศัยอยู่ข้างถนน มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่ต้องปฏิบัติการขับไล่

มิเชล แฮนด์ค๊อก นายกเทศมนตรีกล่าวในแถลงการณ์ว่า เราจะไม่ไล่รื้อแคมป์คนไร้บ้านอีกจนกว่าจะถึงสิ้นเดือนเมษายน เพราะเป็นเวลาบังคับใช้กฎหมายห้ามตั้งแคมป์ แต่จากรายงานของตำรวจพบว่า มีการไล่รื้อแคมป์คนไร้บ้านจำนวน 26 คน ตั้งแต่ปี 2012 เป็นต้นมา

เจ้าหน้าที่ยังกล่าวอีกว่า แคมป์คนไร้บ้านไม่ปลอดภัยและเสี่ยงต่อการผิดสุขอนามัย พวกเขาพบขยะเรี่ยราดริมแม่น้ำ สิ่งปฏิกูลข้างถนนบริเวณสนาม Coors ของทีมโคโลราโด ร๊อคกี้

ในช่วงที่สภาเมืองโหวตผ่านข้อบังคับห้ามตั้งแคมป์ด้วยจำนวนคะแนน  9 ต่อ 4 กลุ่มผู้สนับสนุนกล่าวว่า ต้องกำจัดแคมป์เพื่อสุขอนามัยและความปลอดภัย รวมถึงปฏิเสธข้อเสนอของนักเคลื่อนไหวที่ให้ยกเลิกกฎหมายฉบับนี้ หรือกลับไปใช้การจำกัดพื้นที่

สิ่งที่ทำให้ Trena Vahle นอนไม่หลับทั้งคืนคือ ความเหน็บหนาว เสียงปืน เสียงผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาบริเวณที่เธอตั้งเต็นท์ย่านเมืองที่มีความคับคั่งอย่าง Denver’s trendy River North neighborhood.

“พวกเราถูกบอกให้ย้ายออกไปห้าครั้งแล้ว” เธอเล่า

Ms. Vahle วัย 47 ปี เธอเคยทำงานในโรงงานผลิตถังคูเลอร์พลาสติกในไอโอวา แต่ออกจากงานเนื่องจากกล้ามเนื้อหลังฉีก  ต่อมาเธอย้ายไปอยู่ที่โคโลราโดและกลายเป็นคนไร้บ้านในปี 2015 หลังจากถูกจับกุมในข้อหาบุกรุก เธอไม่ชอบอยู่บ้านพักพิงชั่วคราวที่มีห้องอาบน้ำรวม และเธอยังมีประสบการณ์ถูกขโมยของระหว่างพำนักอยู่ด้วย ในปัจจุบันเธอจึงเลือกมาอยู่ข้างถนน.


เขียนโดย JACK HEALY

ที่มา: The New York Times