เมื่อแก้ปัญหาคนไร้บ้านด้วยข้อมูล ชีวิตของคนไร้บ้านจึงดีขึ้น

เป็นเวลากว่าหลายปีแล้วที่เมืองซานตาเฟ่ มลรัฐนิวเม็กซิโก สหรัฐฯ ได้พยายามแก้ไขปัญหาคนไร้บ้าน แต่ก็ประสบความล้มเหลว ทั้งๆ ที่รัฐบาลมลรัฐได้ทุมงบประมาณไปจำนวนมากแต่ก็ไม่ได้ช่วยแก้ไขปัญหาแต่อย่างใด โดยเฉพาะปี 2018 มลรัฐแห่งนี้ได้กลายเป็นพื้นที่ที่มีจำนวนผู้ไร้บ้านในระยะยาวมากที่สุด ถือเป็นมลรัฐที่ติดอันดับ Top 10 ของปีนั้นเลยก็ว่าได้

คนไร้บ้านในเมืองซานตาเฟ มลรัฐนิวเม็กซิโก สหรัฐฯ ที่มีจำนวนเพิ่มตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้เทศบาลเมืองจำเป็นต้องหาแก้ไขปัญหานี้
(ที่มา: Bloomberg)

หลังจากปี 2018 Alan Webber นายกเทศมนตรีเมืองซานตาเฟ่ จึงตัดสินใจนำหลักการแก้ไขปัญหาคนไร้บ้านในชื่อ Built for Zero มาปรับใช้

Built for Zero คือหลักการที่มุ่งเน้นไปที่การนำข้อมูล (data) มาสอดประสานกับวิธีการทำงานของภาครัฐฯ ในการแก้ไขปัญหาคนไร้บ้าน ปลายทางของหลักการนี้คือการมุ่งไปสู่เป้าหมายที่เรียกว่า ‘functional zero’ นั่นหมายถึงการที่ตัวเลขผู้ไร้บ้านมีจำนวนลดลงภายใต้การบริหารจัดการทรัพยากรของรัฐที่มุ่งเน้นให้เกิดการแก้ไขปัญหาคนไร้บ้านอย่างยั่งยืน และด้วยหลักการนี้ แม้ว่าเกิดภาวะวิกฤต จะทำให้สภาวะคนไร้บ้านได้รับผลกระทบแค่เพียงในระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้น

ภายใต้หลักการนี้ รัฐบาลท้องถิ่นที่ดูแลพื้นที่จึงจำเป็นต้องมีข้อมูลที่บ่งชี้สภาวะการไร้บ้านในพื้นที่ของตนโดยละเอียด ครอบคลุมทุกมิติ และเป็นข้อมูลที่ต้องอัปเดทอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้รัฐฯ ได้บริหาร ควมคุม จัดสรรทรัพยากรให้กับการแก้ไขปัญหาตรงนี้อย่างตรงจุดและทันต่อสถานการณ์มากยิ่งขึ้น 

เมื่อเกิดวิกฤตการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาในปี 2020 ด้วยข้อมูลผู้ไร้บ้านที่ละเอียดและการแบ่งปันข้อมูลตรงนี้ระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะสาธารณสุขประจำเมือง หน่วยที่พักอาศัยชั่วคราว หรือสถานพยาบาลต่างๆ ทำให้รัฐบาลเมืองซานตาเฟ่สามารถจัดการจัดหาที่อยู่อาศัยที่เหมาะสม และจัดการสภาพแวดล้อมไม่ให้เสี่ยงต่อการติดต่อของไวรัสได้อย่างทันท่วงที เช่น การทุ่มงบประมาณซื้อโรงแรมที่ไม่ได้ใช้การแล้วเพื่อเป็นที่อยู่สำหรับคนไร้บ้าน และจัดหาทรัพยากรอื่นที่จำเป็นให้เพียงพอ และเหมาะสมกับสภาวะการไร้บ้านของแต่ละบุคคลได้เป็นอย่างดี

ข้อมูลที่เก็บอย่างละเอียดและถูกอัปเดทตลอดเวลาจึงกลายเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้สภาวะคนไร้บ้านเมืองซานตาเฟ่ ไม่แสดงอาการ ‘เจ็บหนัก’ แต่อย่างใด 

ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยวิธีการใช้ข้อมูลเข้ามาช่วยจัดการปัญหา ทำให้รัฐบาลได้ทบทวนวิธีการทำงานและวิธีการเข้าต่อกรกับปัญหานี้ได้อย่างเป็นระบบมากยิ่งขึ้น ทำให้ลดปัญหาการจัดการภายในได้ และนำไปสู่การแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างได้ชัดเจนขึ้น เช่น ลดการจัดแบ่งงานกันทำโดยไม่มีการประสานงานหรือสื่อสารระหว่างกันและกัน หรือลดปัญหาการไม่ประสานกันของข้อมูล ซึ่งเกิดจากการที่แต่ละหน่วยงานเก็บข้อมูลแยกจากกัน ทั้งๆ ที่เป็นข้อมูลประเภทคล้ายกัน 

สำหรับเมืองซานตาเฟ่แล้ว สภาวะวิกฤตเช่นนี้จึงกลายเป็นโอกาสสำคัญที่จะทำให้เมืองแห่งนี้สามารถจัดการกับปัญหาคนไร้บ้านได้อย่างยั่งยืน และการใช้ข้อมูลเพื่อบ่งชี้สถานะของปัญหาจึงกลายเป็นนวัตกรรมสำคัญที่ถูกใช้จัดการกับปัญหานี้ได้เป็นอย่างดี

ที่มา: To Tackle Homelessness, Santa Fe Found a Better Plan – Bloomberg