รัฐบาลไบเดนออกคำสั่งพักชำระหนี้ฉบับใหม่ให้แก่ผู้เช่า หลังเผชิญความกดดันจากส.ส.พรรคเดโมแครตหลังจากไม่สามารถผลักดันให้รัฐสภาลงมติเพื่อต่ออายุคำสั่งพักชำระหนี้ฉบับแรกได้ท่ามกลางการระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์เดลต้าที่ยังคงเพิ่มสูงขึ้น ในขณะเดียวกันก็ก่อให้เกิดเสียงต่อต้านจากฝั่งผู้ให้เช่าที่มองว่าตนได้รับผลกระทบจากคำสั่งพักชำระหนี้ฉบับใหม่นี้ จึงนำไปสู่การยื่นฟ้องร้องในศาลชั้นสูงสุด โดยศาลตัดสินให้ยกเลิกคำสั่งพักชำระหนี้ฉบับใหม่นี้ ด้วยเหตุผลที่ว่าคำสั่งพักชำระหนี้ดังกล่าวเกินขอบเขตอำนาจของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐฯ
เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคมที่ผ่านมา รัฐบาลไบเดนได้ประกาศว่า พวกเขาไม่สามารถต่ออายุคำสั่งพักชำระหนี้ฉบับแรกสำหรับผู้เช่าของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐฯ (US Centers for Disease Control and Prevention) ได้ เนื่องจากติดปัญหาด้านกฏหมาย ทำให้คำสั่งดังกล่าวสิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 31 กรกฏาคมที่ผ่านมา ส่งผลให้คนอเมริกาหลายล้านคนต้องเสี่ยงที่จะถูกขับไล่ออกจากที่พัก แม้ว่าสหรัฐฯ กำลังเผชิญกับการระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลต้าอีกครั้ง
คำสั่งพักชำระหนี้ให้แก่ผู้เช่ามีผลบังคับใช้ตั้งแต่เดือนกันยายนปีที่แล้ว โดยมีจุดประสงค์ที่จะรักษาการเว้นระยะห่าง ไม่ให้คนเปราะบางไปอยู่ที่ศูนย์ช่วยเหลือคนไร้บ้านที่มีความแออัด เพื่อลดการระบาดของโควิด-19 โดยก่อนที่จะมีคำสั่งฉบับนี้ออกมาพบว่า ในกลุ่มผู้ที่ถูกขับออกจากบ้านเช่ามีตัวเลขผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด-19 มากกว่า 10,000 คน
ประมาณการณ์ได้ว่าคนอเมริการาว 3.6 ล้านคน เสี่ยงที่จะถูกขับไล่ออกจากที่พักภายในสองเดือนนี้หากคำสั่งพักชำระหนี้ฉบับนี้หมดอายุลง แม้จะมีบางรัฐได้ออกคำสั่งพักชำระหนี้ภายในรัฐ แต่หลายรัฐก็ไม่มีคำสั่งพักหนี้ให้ผู้เช่าสำหรับรัฐตนเอง
“การระบาดของโควิด-19 แสดงให้เห็นถึงความเปราะบางของผู้เช่า” อิงกริด กอลด์ เอเลน อาจารย์ประจำสถาบันอสังหาริมทรัพย์และนโยบายเมืองเฟอร์แมนของมหาวิทยาลัยนิวยอร์ก กล่าว
“ฉันเป็นกังวลกับเรื่องนี้มาก เพราะฉันเห็นหลายครอบครัวต้องย้ายออกจากบ้าน มันน่าเศร้ามาก” แนนซี เพโลซีประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ กล่าว
แม้ว่าทางส.ส.พรรคเดโมแครตพยายามจะต่ออายุคำสั่งพักขำระหนี้ แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ รัฐบาลไบเดนได้เรียกร้องให้รัฐต่าง ๆ นำเงินฉุกเฉินออกมาให้ผู้ให้เช่าและผู้เช่าก่อน เนื่องจากในตอนนี้รัฐบาลกลางสามารถขยายคำสั่งพักชำระหนี้ถึงเดือนกันยายนสำหรับบางกลุ่ม เช่น ผู้ที่อาศัยในที่พักที่ได้รับความช่วยเหลือจากรัฐ เท่านั้น
ต่อมา รัฐบาลได้ประกาศบังคับใช้คำสั่งพักชำระหนี้ให้แก่ผู้เช่าฉบับใหม่เมื่อวันอังคารที่ 3 สิงหาคม หลังจากเผชิญกับแรงกดดันของส.ส. พรรคเดโมแครต โดยคำสั่งฉบับใหม่จะครอบคลุมพื้นที่ที่มีการระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลต้าที่สูงและมีผลบังคับใช้ถึงวันที่ 3 ตุลาคม ประธานาธิบดีกล่าวว่าเขาคาดหวังว่าคำสั่งนี้จะสามารถคุ้มครองผู้เช่ากว่า 90 เปอร์เซ็นต์ ให้ไม่ต้องไร้บ้านได้
อย่างไรก็ดี คำสั่งพักชำระหนี้เผชิญเสียงต่อต้านจากกลุ่มผู้ให้เช่าทั้งหลาย เนื่องจากกลุ่มผู้ให้เช่ามองว่า คำสั่งพักชำระหนี้แก่ผู้เช่าทำให้พวกเขาต้องแบกรับภาระหนี้สิน โดยกลุ่มเครือข่ายอพารท์เมนต์แห่งชาติ (The National Apartment Association) มองว่าคำสั่งพักชำระหนี้ไม่เป็นผลดีต่อความอยู่รอดของตลาดอสังหาริมทรัพย์ รวมทั้งประเมินว่าอุตสาหกรรมอพารต์เมนต์จะต้องแบกรับหนี้ถึง 26.6 พันล้าน เพราะคำสั่งพักชำระหนี้ ด้วยเหตุนี้เอง กลุ่มผู้เช่าจึงทำการฟ้องร้องให้มีการยกเลิกคำสั่งพักชำระหนี้ฉบับใหม่นี้
ล่าสุด ศาลสูงสุดได้มีคำตัดสินยกเลิกคำสั่งพักชำระหนี้ของรัฐบาลไบเดน เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม ที่ผ่านมา โดยให้ความเห็นว่าศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐฯ ได้ใช้อำนาจเกินขอบเขต ตามที่กลุ่มผู้ให้เช่า บริษัทอสังหาริมทรัพย์ และสมาคมการค้า นำโดย Albama Association of Realtors (สมาคมนายหน้าแห่งรัฐอัลาบามา) ได้ยื่นฟ้อง โดยมองว่าคำสั่งพักชำระหนี้ดังกล่าวไม่ได้เป็นไปตามรัฐบัญญัติการบริการสาธารณสุข ค.ศ. 1944 อย่างที่ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐฯ อ้าง
“ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐฯ ได้ออกคำสั่งพักชำระหนี้ทั่วประเทศโดยอ้างถึงกฎหมายที่อายุเก่าเป็นสิบ ๆ ปี (รัฐบัญญัติการบริการสาธารณสุข ค.ศ. 1944 ) ซึ่งเป็นกฎหมายเดียวกันที่ให้อำนาจเรื่องพ่นยาฆ่าแมลง” คำตัดสินยังระบุอีกว่า “ไม่น่าเชื่อว่ากฎหมายจะให้อำนาจศูนย์ควบคุมโรคมากมายขนาดนี้”
“แม้ว่าประชาชนจะต้องการลดการระบาดของเชื้อโควิด-19 แต่ระบบกฏหมายกลับไม่อนุญาตให้องค์กรต่าง ๆ กระทำการที่ผิดกฏหมายแม้ว่าจะเป็นไปเพื่อสิ่งที่เป็นประโยชน์ก็ตาม”
“หากต้องการให้คำสั่งพักชำระหนี้ของรัฐบาลกลางมีผลบังคับใช้ต่อไป ต้องให้รัฐสภาเป็นผู้รับรองคำสั่งพักชำระหนี้นี้”
ทั้งนี้ เจน ซากี โฆษกประจำทำเนียบขาว กล่าวว่า “ ผลของคำตัดสินของศาลจะทำให้ครอบครัวหลายครอบครัวต้องโดนไล่ออกจากที่อยู่อาศัย และชุมชนต่าง ๆ ทั่วประเทศจะเสี่ยงต่อการระบาดของโควิด-19 ยิ่งขึ้น”
_________________________________________________________________
อ้างอิง