“สงครามคนไร้บ้านในเวนิส…ย่านคนรวยที่เต็มไปด้วยคนไร้บ้าน”

ขอบคุณรูปจาก AP News

ประเด็นเรื่องคนไร้บ้านนั้นเป็นที่ถกเถียงกันอย่างรุนแรงในชุมชนเวนิส เมืองลอสแอนเจลิส ความขัดแย้งนี้มิอาจแยกขาดจากปัญหาการไล่ที่และการปรับปรุงพื้นที่ในชุมชนตลอดสองทศวรรษที่ผ่านมาที่ราคาบ้านในชุมชนแพงขึ้นอย่างมาก เมื่อ 25 ปีที่แล้ว บ้าน 2,000 ตารางฟุตมีราคา 300,000 ดอลล่าสหรัฐฯ แต่ตอนนี้บ้านขนาดเท่ากันมีราคาสูงถึง 2 ล้านดอลล่าสหรัฐฯ ชุมชนที่เคยประกอบไปด้วยคนหลายระดับรายได้ ตอนนี้ถูกแบ่งออกเป็นแค่สองระดับเท่านั้น คือ คนรวย และคนไร้บ้าน

ในชุมชนเวนิสมีแคมป์คนไร้บ้านอยู่หลายสิบแห่ง หลายแห่งตั้งอยู่ติดกับตึกราคาแพงที่ครอบคลุมบริเวณขนาดใหญ่ ตึกราคาแพงเหล่านี้เป็นตึกของบริษัทชั้นนำที่เติบโตมาจากสตาร์ทอัพอย่าง Google, YouTube, Hulu และ Snapchat นี้รู้จักกันดีในนาม “ซิลิคอนบีช” ตั้งอยู่ห่างออกไปเพียง 8 กิโลเมตร จากหาดเวนิส

จากประเด็นข้อถกเถียงทางการเมืองเรื่องคนไร้บ้านที่ยังปะทุรุนแรงขณะนี้ คนเวนิสฝ่ายหนึ่งยืนยันว่าศูนย์พักพิงคนไร้บ้านต้องตั้งอยู่ในชุมชนเวนิส ในขณะที่อีกฝ่ายก็อยากให้ศูนย์พักพิงย้ายไปตั้งนอกชุมชนเวนิส ด้วยเหตุผลที่ว่า จำนวนคนไร้บ้านในชุมชนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งคนในชุมชนฝ่ายหนึ่งก็มองว่าคนไร้บ้านกำลังสร้างปัญหาและความลำบากให้กับพวกเขาที่เป็นคนในชุมชนดั้งเดิม

อีกทั้ง การหมดอายุของคำสั่งพักชำระค่าเช่าที่พัก ในเดือนกันยายนที่จะถึงนี้ ก็อาจทำให้เกิคคนไร้บ้านหน้าใหม่เพิ่มขึ้น เพราะคนไม่มีเงินจ่ายค่าที่พักอาศัย 

คำสั่งพักชำระหนี้จะหมดอายุกันยานี้ อาจทำเกิดคนไร้บ้านหน้าใหม่

ลอสแองเจลิสกำลังเตรียมความพร้อมสำหรับกลุ่มคน (ที่กำลังจะ) ไร้บ้านกลุ่มใหม่ ซึ่งเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากคำสั่งพักชำระหนี้ของรัฐที่จะสิ้นสุดในเดือนกันยายนนี้ แม้ว่า เกวิน นิวซัม ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย ได้เสนอมาตรการผ่อนปรนค่าเช่า 5.2 พันล้านดอลลาร์ ให้กับชาวแคลิฟอร์เนียแต่ก็คงไม่เพียงพอต่อการยับยั้งภาวะไร้บ้านได้ทั้งหมด

ทั้งนี้ นักกฎหมายที่เชี่ยวชาญเรื่องนโยบายสาธารณะเกี่ยวกับคนไร้บ้านในลอสแอนเจลิสก็ได้ออกมาวิจารณ์ถึงมาตรการผ่อนปรนค่าเช่าบ้านให้กับคนในรัฐ โดยชี้ให้เห็นว่า ปัญหาคือความล่าช้าและความไม่แน่นอนของภาครัฐ กว่าเงินบรรเทาค่าเช่าฯ จะมาถึงมือประชาชนที่เป็นกลุ่มเป้าหมาย ประชาชนหลายคนก็อาจถูกไล่ที่ก่อนที่พวกเขาจะได้รับเงินบรรเทานั้นเสียอีก ซึ่งนั่นก็จะทำให้คนไร้บ้านหน้าใหม่เพิ่มจำนวนขึ้นมาก

ปัญหาภาวะไร้บ้านนั้นถือว่าเป็นปัญหาใหญ่ของรัฐแคลิฟอร์เนียเพราะมีคนไร้บ้านถึงหนึ่งส่วนสี่ของประเทศอยู่ในรัฐ ในช่วงหนึ่งของการปราศรัย State of the State ของ เกวิน นิวซัม ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย ในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2563 ได้กล่าวถึงปัญหาภาวะไร้บ้านในรัฐว่า “มันน่าอับอายมากที่รัฐที่รวยที่สุดในประเทศที่รวยที่สุด ไม่สามารถดูแลคนในรัฐของตนอย่างดี/มีมนุษยธรรมได้” โดยเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา นิวซัมได้จัดสรรงบประมาณกว่า 12 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ให้กับการแก้ไขปัญหาภาวะไร้บ้าน นับว่าเป็นการทุ่มงบประมาณให้กับการจัดการปัญหาภาวะไร้บ้านที่มากที่สุดในบรรดามลรัฐต่าง ๆ

ถึงอย่างนั้น ผู้เชี่ยวชาญเรื่องการจัดหาที่อยู่อาศัยก็ได้ออกมาบอกว่า “งบประมาณเท่านั้นมันแทบจะไม่เพียงพอต่อการแก้ไขปัญหาไร้บ้านนี้เลยด้วยซ้ำ” นักวิชาการอย่าง แมท ชวาทส์ หัวหน้าขององค์กรไม่แสวงหาผลกำไร Californing Housing Partnership ได้ประเมินว่าการแก้ปัญหาดังกล่าวต้องใช้เงินประมาณ 17.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปี ซึ่งขัดแย้งกับมาตราการและงบประมาณที่นิวซัมเสนอ เพราะนั่นไม่ใช่นโยบายระยะยาวหรือถาวร

“เราแทบไม่มีอำนาจเหนือตัวแสดงหลักในการดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาคนไร้บ้าน” เอริค การ์เซตติ นายกเทศมนตรีแห่งนครลอสแองเจลิส (the mayor of Los Angeles) กล่าว “และเราก็ไม่มีทางมีทรัพยากรเพียงพอ ต่อให้เราจะตั้ง หน่วยงานที่ดูแลเรื่องสุขภาพและสวัสดิการสังคมให้กับคนไร้บ้าน (H.H.H.s) อีก 3-4 แห่งก็เถอะ” แม้ว่าเขาจะพอเห็นการเพิ่มขึ้นของการสนับสนุนคนไร้บ้านในระยะเวลา 12 ปีที่ผ่านมาก็ตาม ดังที่เห็นว่าตอนนี้ได้รับงบประมาณในการจัดการปัญหาภาวะไร้บ้านเป็น  1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากที่เคยได้รับงบประมาณเพียง 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ 

อย่างนโยบายเรื่องแสตมป์อาหาร และ สิทธิในการรักษาพยาบาล (Madicaid) ก็ล้วนเป็นนโยบายสาธารณะที่ชาวอเมริกันทุกคน รวมถึงคนไร้บ้าน มีสิทธิในการเข้าถึง แต่ในทางกลับกัน ประเด็นเรื่องการมีที่อยู่อาศัยกลับไม่ถูกนับว่าเป็นสิทธิ 

เวนิสเป็นหนึ่งในชุมชนที่เจริญที่สุดย่านแห่งเทศมณฑลลอสแอนเจลิส แต่กลับมีคนไร้บ้านอาศัยอยู่หนาแน่นที่สุดในบรรดาชุมชนฝั่งตะวันตกของเมือง จากการสำรวจจำนวนประชากรคนไร้บ้านปี 2019-2020 ของ Los Angeles Homeless Services Authority พบว่า คนไร้บ้านในเทศมณฑลลอสแอนเจลิสมีจำนวนกว่า 66,433 คนเพิ่มขึ้นจากปี 2019 กว่า 12.7% โดยคนไร้บ้านเฉพาะใน Council District 11 ซึ่งรวมเวนิสด้วยนั้นก็พบจำนวนมากถึง 3,165 คน แล้ว

แม้เวนิสจะเป็นย่านที่มีคนไร้บ้านอาศัยอยู่มาก แต่ความคิดเห็นของคนในชุมชนที่มีต่อคนไร้บ้านก็ถูกแบ่งออกเป็นหลายฝ่าย บ้างอยากให้ภาครัฐช่วยเหลือคนไร้บ้านต่อไปเพื่อความเท่าเทียมทางที่อยู่อาศัย บ้างก็ต่อต้านนโยบายการสร้างหรือพัฒนาแคมป์คนไร้บ้านขึ้นใหม่ บ้างอยากให้คนไร้บ้านย้ายไปอยู่เขตอื่นโดยอ้างว่าคนไร้บ้านเป็นเหตุให้เกิดอาชญกรรม หรือบ้างก็สนับสนุนให้มีแคมป์คนไร้บ้าน แต่ก็เป็นที่รู้กันว่าอุปสรรคของการจัดตั้งแคมป์คนไร้บ้านในชุมชน คือ เพื่อนบ้านในชุมชนนั้น ๆ ที่มักจะแสดงความไม่พอใจเมื่อต้องอยู่ร่วมละแวกกับคนไร้บ้าน อีกทั้งรัฐเองก็มีข้อจำกัดทางการเงินและการดำเนินการที่ล่าช้า

“ผู้คนหมดปัญญาแล้ว และผมก็เห็นใจ” การ์เซ็ตติ กล่าว “แถวบ้านของผมมีคนไร้บ้านมาอาศัยอยู่จำนวนมากตามข้างทาง ซึ่งในนั้นก็มีคนที่ตะโกนทุกวันตอนตีสามถึงตีสี่ ทำให้ผมตื่นขึ้นมาตลอดด้วย” เขากล่าว “มันโหดร้ายอย่างยิ่งที่ได้เห็นความไร้มนุษยธรรม สถานการณ์ที่เวนิสนั้นเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ ผมคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องที่ต้องกล่าวขอโทษเมื่อเราต้องการสร้างบ้านให้คนและคืนพื้นที่สาธารณะกลับมา”

 ผ่านมา 3 ปีแล้ว (ตั้งแต่ปี 2018) ที่การ์เซตติประกาศใช้นโยบายจัดสร้าง A Bridge Home (A.B.H) ให้เป็นศูนย์พักพิงฉุกเฉินชั่วคราวให้กับคนไร้บ้านในแต่ละชุมชนในลอสแอนเจลิส โดยภายในศูนย์พักพิงฯ จะมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่จำเป็นเพื่อรองรับคนไร้บ้าน ไม่ว่าเป็นอาหาร การรักษาพยาบาล การจ้างงาน คำปรึกษา ไปจนถึงบริการทางสังคม แต่แล้วความพยายามดังกล่าวก็ถูกระงับไป ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการฟ้องร้อง และค่าก่อสร้างที่สูง 

แต่อีกส่วนคือเสียงคัดค้านมาตรการของศูนย์พักพิงฉุกเฉิน (A.B.H) อย่างรุนแรงจากคนในบางชุมชน เช่น เวนิสและเอคโค่พาร์ค ในเวนิสได้มีการโหวตให้แบนการจอดรถบ้านหรือจอดรถข้ามคืน ได้มีการเรียกร้องในโลกออนไลน์ให้ย้ายเต๊นท์ของคนไร้บ้านออกไปจากพื้นที่ รวมไปถึงมีการขู่ใช้ความรุนแรง และได้วางกระถางดอกไม้ขนาดใหญ่ตามทางเดินเพื่อไม่ให้คนไร้บ้านสามารถนอนได้

แม้ในปี 2018 การ์เซตติ (นายกเทศมนตรีนครลอสแอนเจลิส) และไมค์ โบนิน (สมาชิกสภาเทศบาล=ชุมชนเวนิส) ได้พยายามผลักดันมาตรการการช่วยเหลือกลุ่มคนที่อาศัยในย่านเดียวกับศูนย์พักพิงคนไร้บ้าน (A.B.H) โดยจัดสร้างจุดจอดรถบัสเก่าห่างจากเวนิสบอร์ดวอร์คสองบล็อก แต่ก็ต้องพบกับข้อวิจารณ์และการต่อต้านมากมาย ผู้เข้าชมงานแสดงถือป้ายประท้วง เช่น

“หาดเวนิส! ที่ ๆ อึกับเข็มฉีดยาเป็นส่วนหนึ่งของความสนุก”

“สะพานสู่อาชญากรรม ขยะ หรือสิ่งที่ทำให้เวนิสต้องย่ำอยู่กับที่ คนเวนิสเขาไม่เอาด้วยหรอก ” ซึ่งเป็นการเสียดสีชื่อของศูนย์พักพิงฉุกเฉิน A Bridge Home (A.B.H) ที่แปลเป็นชื่อไทยว่า บ้านแห่งสะพาน(ที่เชื่อมไปสู่บ้านพักถาวร) 

ในขณะที่โลกออนไลน์ก็มีผู้คัดค้านเช่นกัน โดยกล่าวว่า “ศูนย์พักพิงก็คงไม่ต่างอะไรกับโรงแรมที่คนไปปาร์ตี้มั่วยากัน”

เหล่าคนที่มีบ้านในเวนิสต่างพยายามขัดขวางทุกนโยบายการจัดหาพักบ้านสำหรับคนมีรายได้น้อยและศูนย์พักพิงสำหรับคนไร้บ้าน

ตั้งแต่ก่อนปี 2563 คนไร้บ้านเผชิญกับโรคระบาดมากมายทั้งการระบาดของไข้รากสาดใหญ่ ตับอักเสบ เอชไอวี ซิฟิลิส และวัณโรค และยิ่งเป็นโรคระบาดโควิด-19 คนไร้บ้านก็ยิ่งเปราะบางและรับมือกับโรคระบาดได้ลำบากขึ้น ลองคิดว่า คุณจะปฏิบัติตามคำแนะนำว่าให้ “อยู่บ้าน” ได้อย่างไร เมื่อคุณไม่มีบ้าน?

ในขณะที่คนไร้บ้านมาอาศัยในศูนย์พักพิงฯ กันเพิ่มขึ้น การแพร่ระบาดโควิด-19 ครั้งใหญ่นี้ก็ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ประเด็นการจัดการปัญหาไร้บ้านก็ยิ่งเป็นที่ถกเถียงในวงกว้าง โดยทั้งสองฝ่ายมองว่านี่คือโอกาสในการผลักดันนโยบายที่ฝ่ายตนสนับสนุน ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับการจัดตั้งศูนย์พักพิงเพื่อคนไร้บ้านมักให้เหตุผลว่าว่าศูนย์พักพิงเป็นสิ่งที่ยืนยันถึงความล้มเหลวของการตั้งศูนย์พักพิงคนไร้บ้านที่จัดตั้งโดยการ์เซตติอย่าง A.B.H. ในทางกลับกัน ฝ่ายที่สนับสนุนคนไร้บ้านก็มองว่านโยบาย/โครงการจัดตั้งที่อยู่อาศัยและการช่วยเหลือทางที่พักให้กับคนไร้บ้าน เช่น โครงการ Project Roomkey ของนิวซัม ที่จะช่วยคนไร้บ้านในแคลิฟอร์เนียร์จำนวนมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ให้มีที่พักในโรงแรมและโมเทลที่ว่าง เป็นโครงการที่สามารถช่วยเหลือได้เร็วกว่าที่เคยมีมา

“จริง ๆ แล้ว เราสามารถแก้ปัญหาภาวะไร้บ้านนี้ได้อย่างแน่นอน” การ์เซตติกล่าว “แต่คำถามคือ คุณต้องการแก้ปัญหานี้หรือไม่? คุณต้องการแก้ปัญหาคนไร้บ้านในชุมชนที่อยู่ของคุณหรือไม่? และ ต้องการแก้ปัญหาในระยะยาวหรือไม่?”

หนึ่งในสถานที่ที่เลวร้ายที่สุดในโลก: แคมป์คนไร้บ้านในแคลิฟอร์เนีย – ความเห็นฝ่ายที่ต่อต้านศูนย์พักพิงคนไร้บ้าน เพราะมองว่าก่อให้เกิดปัญหาต่อคนในชุมชน

มาร์ค ไรอเวค ประธานสมาคมผู้มีส่วนได้ส่วนเสียแห่งชุมชนเวนิส — ภารกิจของสมาคมคือการส่งเสริมความปลอดภัยในละแวกใกล้เคียงและสนับสนุนโครงการเพื่อความสวยงามเมือง — เริ่มรวบรวมหลักฐานเพื่อต่อต้านนโยบายศูนย์พักพิงคนไร้บ้าน โดยได้รวบรวมรายงานประสบการณ์ของเพื่อนบ้านที่อาศัยอยู่ใกล้เคียงกับศูนย์พักพิงฯ ที่ถูกคุกคามจากคนไร้บ้าน หลังจากศูนย์พักพิง the Pacific Sunset bridgeเปิดตัวได้ไม่กี่วัน ไม่ว่าจะเป็นการทุบกระจกหน้ารถ การขโมยจักรยาน และการเดินตามหรือการคุกคามผู้หญิงตามถนนซึ่งสร้างความหวาดกลัวให้กับผู้หญิงที่เดินคนเดียว “นี่มันคือฝันร้ายของผู้หญิงในชุมชน” “คุณปฏิเสธไม่ได้หรอกว่าผู้หญิงที่อาศัยในละแวกเดียวกับแคมป์คนไร้บ้านในเวนิสต่างตกอยู่ในอันตราย”

ไรอเวค ให้ความเห็นว่า ฮอลลีวูดเป็นเมืองแห่งความฝันที่ทุกคนต่างต้องการสานฝันการเป็นศิลปิน ณ ที่แห่งนี้ และทุกคนสามารถประสบความสำเร็จเป็นศิลปินได้ แต่การสร้างศูนย์พักพิงคนไร้บ้านกำลังจะทำให้เมืองที่ดึงดูดนักล่าฝันที่สุดแห่งหนึ่งในโลกต้องเต็มไปด้วยคนไร้บ้าน ไรอเวคให้ความเห็นว่า เขาไม่ได้ต่อต้านการจัดตั้งศูนย์พักพิง แต่ควรจัดตั้งโดยแยกส่วนจากพื้นที่ชุมชน เพราะนอกจากการตั้งศูนย์พักพิงฯ ในเวนิสจะกระทบต่อความปลอดภัยของคนในละแวกแล้ว ราคาการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในเวนิสนั้นก็ได้รับผลกระทบโดยตรงจากจำนวนคนไร้บ้านที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และจากข้อบังคับควบคุมคนไร้บ้านที่ยังมีความหละหลวม 

ประเด็นร้อนในสภาเวนิสปี 2020 นั่นคือ ประเด็นการลงมติถอดถอน แมทธ์ ฟิชเชอร์ สมาชิกสภาเวนิสวัย 41 ปี ที่ต่อสู้เพื่อสิทธิคนไร้บ้านในชุมชนมาตลอด ด้วยเหตุผลที่ว่า เขาออกมาเรียกร้องสิทธิและผลประโยชน์ของคนไร้บ้านเวนิสด้วยท่าทีรุนแรงเกินไป ครั้งหนึ่งฟิชเชอร์เคยโพสคำพูดของบ็อบ มาร์เลย์บนเฟสบุ๊คว่า 

“ในเมื่อคนที่ทำให้โลกนี้แย่ลงทุกวันโดยไม่หยุดพัก และฉันจะหยุดไปทำไม”

ความเห็นของกลุ่มสนับสนุนการช่วยเหลือคนไร้บ้านนอกสภาก็ต่างมองว่า “ในสภาชุมชนมีแต่คนที่เสพติดคำพูดอ่อนหวาน” “ฟิชเชอร์ควรได้อยู่ในสภาต่อไป เพราะเขาสู้เพื่อสิ่งจำเป็นที่คนอื่น ๆ ไม่คิดจะทำ” หนึ่งในสมาชิกสภาชุมชนกล่าวว่า “เราตั้งสภาชุมชนขึ้นมาเพื่อประชาชน โดยประชาชน ของประชาชน”

แต่สุดท้ายแล้วเสียงส่วนใหญ่ในสภาก็มีมติให้ถอดถอนฟิชเชอร์ให้ออกจากการเป็นสมาชิกสภาเมือง

อ้างอิง

https://www.nytimes.com/2021/07/13/magazine/los-angeles-homelessness.html