
เคยสังเกตไหมว่า เวลาเราอ่านข่าวที่เกี่ยวกับคนไร้บ้าน มักจะเจอเรื่องราวที่มีเนื้อหาคล้ายคลึงกัน ถ้าไม่เป็นข่าวปัญหาสังคมที่เกิดจากคนไร้บ้าน ก็จะต้องเป็นข่าวที่มีหน่วยงานสักหน่วยงานหนึ่งเข้าไปช่วยเหลือคนไร้บ้านเหล่านั้น
“ลุยตรวจสอบคนเร่ร่อนรวมตัวนับ 10 สร้างความเดือดร้อนแก่ชาวบ้าน”
“กทม.เดินหน้าแก้ปัญหาสังคม ช่วยเหลือคนไร้บ้าน-จัดระเบียบขอทาน”
‘รายงานสำรวจภูมิทัศน์คนไร้บ้านในสื่อออนไลน์ แผนงานพัฒนาองค์ความรู้เพื่อสร้างเสริมและขับเคลื่อนนโยบาย เพื่อสุขภาวะคนไร้บ้าน สถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย’ ได้ทำการสำรวจสื่อออนไลน์ระหว่างวันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 – 30 เมษายน 2568 และพบเนื้อหาข่าวที่พูดถึงคนไร้บ้านทั้งสิ้น 726 สื่อ แบ่งออกเป็นข่าวจากเว็บไซต์ 228 ข่าว และ Facebook 498 ข่าว
จากการสำรวจพบว่า กว่า 57.46% เป็นการนำเสนอข่าวที่สะท้อนอคติต่อคนไร้บ้าน ตอกย้ำภาพจำเชิงลบ และมักจะเป็นประเด็นอาชญากรรมที่คนไร้บ้านได้ก่อขึ้น เช่น ข่าวคนไร้บ้านใช้สารเสพติดในที่สาธารณะ ในขณะที่การนำเสนอในเชิงบวกมีเพียง 12.28% เท่านั้น และมักเกี่ยวข้องกับเรื่องราวการสู้ชีวิตของคนไร้บ้าน
สิ่งที่น่าสนใจ คือ สื่อกว่า 85.53% ไม่ได้มาจากเสียงของคนไร้บ้าน เป็นเพียงการเล่าจากปากของผู้สื่อข่าวเท่านั้น สะท้อนให้เห็นถึงอำนาจของสื่อในการควบคุมเรื่องเล่า (Narrrative Control) บทบาทคนไร้บ้านที่มักพบในสื่อจึงมีแค่ 2 บทบาท ถ้าไม่เป็นคนที่สร้างความเดือดร้อนให้กับสังคม ก็ต้องเป็นคนที่รอสังคมหยิบยื่นความช่วยเหลือให้ด้วยความเวทนาสงสาร โดยที่ไม่ได้มีการอธิบายถึงภูมิหลังใดๆ ของปัญหาคนไร้บ้านให้คนเสพสื่อเข้าใจ ภาพที่ใช้นำเสนอกว่า 92.92% ก็เป็นภาพที่ตอกย้ำภาพจำเชิงลบของคนไร้บ้าน อาทิ ภาพคนไร้บ้านที่ผมเผ้ารุงรัง ดูไม่สะอาด ทำให้เกิดการตัดสินด้วยตัวเองไปว่า คนไร้บ้านเลือกที่จะเป็นแบบนั้นเอง
นอกจากนี้ วาทกรรมและกรอบการตีความ (Discourse and Framing) ก็เป็นตัวการสำคัญในการกำหนดมุมมองและวิธีการตีความของผู้อ่านข่าว ว่าจะมองคนไร้บ้านอย่างไร ซึ่งจากการวิเคราะห์ข่าวจำนวน 228 ข่าว งานวิจัยพบว่า สื่อมักจะเล่าเรื่องคนไร้บ้านผ่าน 4 กรอบหลัก ได้แก่
1) ความเดือดร้อนรำคาญ (ร้อยละ 50) : ในกรอบนี้ คนไร้บ้านมักถูกนำเสนอในฐานะผู้สร้างผลกระทบกับคนทั่วไป ทำให้คนอื่นเดือดร้อน เช่น ถูกกล่าวหาว่าสร้างความสกปรกให้กับพื้นที่สาธารณะ
2) ความน่าสงสาร (ร้อยละ 32.98) : ในกรอบนี้ คนไร้บ้านจะได้รับบทบาท ‘เหยื่อ’ หรือ ‘คนที่ต้องได้รับความช่วยเหลือ’ ซึ่งการเล่าเรื่องคนไร้บ้านภายใต้กรอบนี้ จะเต็มไปด้วยถ้อยคำกระตุ้นอารมณ์สงสาร เวทนา เห็นใจ ของผู้อ่าน และมาพร้อมกับการวางบทบาท ‘ผู้ให้’ กับหน่วยงานที่เข้ามาช่วยเหลือ ทว่า แม้จะเล่าว่าคนไร้บ้านน่าสงสารเพียงใด ก็ไม่ได้มีการพูดถึงโครงสร้างของปัญหา และลดทอนความเป็นพลเมืองของคนไร้บ้าน ให้เหลือเพียง ‘วัตถุของการเมตตา’
3) การต่อสู้ของคนไร้บ้าน (ร้อยละ 10.53) : เรื่องราวของคนไร้บ้านภายใต้กรอบนำเสนอนี้ ทำให้เห็นคนไร้บ้านในฐานะคนที่มีความสามารถในการต่อสู้หรือเรียกร้องสิทธิให้กับตัวเอง และทำให้เห็นว่าคนไร้บ้านคือ “พลเมืองที่มีศักดิ์ศรี” และสามารถมีบทบาทในสังคมได้เท่าเทียมคนอื่น
4) ความน่ากลัวของคนไร้บ้าน (ร้อยละ 6.58) : ข่าวที่อยู่ภายใต้กรอบนี้ จะนำเสนอว่า คนไร้บ้านมีความเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมประเภทต่างๆ ทำให้คนไร้บ้านถูกมองว่า ‘อันตราย’ และส่งเสริมให้คนทั่วไปรู้สึกว่าการขับไล่คนไร้บ้าน คือ ความชอบธรรม
ทางด้านของผู้บริโภคข่าวออนไลน์ การสำรวจพบว่า ผู้อ่านข่าวส่วนใหญ่ให้ความสนใจกับเนื้อหาที่เล่าว่า คนไร้บ้านน่าสงสาร น่าเวทนา ชอบอ่านเนื้อหาที่สะเทือนใจ ปลุกเร้าทางอารมณ์ ซึ่งข่าวเล่านี้มียอดแชร์สูงสุด 38,000 แชร์ และยอดไลก์สูงสุด 1,100,000 ไลก์
แต่ในทางกลับกัน คอมเมนต์ที่มักพบตามข่าวต่างๆ กลับสวนทางกับยอดไลก์ยอดแชร์ของข่าวที่มีเนื้อหาสะเทือนใจ เพราะผู้บริโภคส่วนใหญ่มักคอมเมนต์ข่าวที่นำเสนอภาพจำในแง่ลบและแฝงไปด้วยอคติต่อคนไร้บ้านมากกว่า
ซึ่งผลการสำรวจพบว่าคอมเมนต์เชิงลบมีจำนวนสูงถึง 83.66% และจะเป็นความคิดเห็นที่ตีตรา ดูหมิ่น เหยียดหยามคนไร้บ้าน อาทิ “ตัวอันตราย” “จับทำหมันหรือขังลืมดีกว่า”
คอมเมนต์เหล่านี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลย หากสื่อไม่ได้ผลิตซ้ำภาพจำที่ลดทอนความเป็นมนุษย์ของคนไร้บ้าน เพราะสื่อมีอิทธิพลต่อความคิดของคนในสังคม หากสื่อยังคงนำเสนอเรื่องราวของคนไร้บ้านในแง่มุมเดิม ไม่ได้มีการขยายความเข้าใจถึงปัญหาที่คนไร้บ้านต้องเผชิญ ปัญหาของพวกเขาก็จะยังคงเหมือนเดิม และอคติในสังคมก็จะคงอยู่ สื่อจึงต้องใช้การสื่อสารที่มีความละเอียดอ่อนทางสังคม (Social Sensitivity) หรือการสื่อสารที่มีความเอาใจใส่ เคารพ และเข้าอกเข้าใจในบุคคลที่กำลังถูกนำเสนอ และรื้อถอนวาทกรรมที่กดทับผ่านโครงสร้างข่าวและภาพที่เผยแพร่ เช่น ใช้ภาพที่ได้รับการยินยอมจากคนไร้บ้าน ใช้แหล่งข่าวที่มีมุมมองที่ครอบคลุม เพื่อนำเสนอมุมมองใหม่ๆ ให้กับผู้ที่เสพข่าว และทำให้คนในสังคมมีมุมมองที่ต่างไปจากเดิม
อ้างอิง
รายงานสำรวจภูมิทัศน์คนไร้บ้านในสื่อออนไลน์ แผนงานพัฒนาองค์ความรู้เพื่อสร้างเสริมและขับเคลื่อนนโยบาย เพื่อสุขภาวะคนไร้บ้าน สถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เรื่อง : ธันยพร เกษรสิทธิ์
ภาพประกอบ : ภัทราภรณ์ สงสาร
