อังกฤษเป็นประเทศร่ำรวยอันดับที่เจ็ดของโลก แต่ความเหลื่อมล้ำกลับสูงขึ้นทุกที สถิติบอกเราว่ามีคนไร้บ้านในอังกฤษถึง 320,000 คน (หมายความว่ามีประชากรประมาณหนึ่งคนจากสองร้อยคนเป็นคนไร้บ้าน) ทุกวันนี้มีเต็นท์ตั้งอยู่ทุกที่ ไม่ว่าจะเป็นใจกลางเมือง สถานีรถไฟ สวนสาธารณะหรือทางเดินริมแม่น้ำ และในปีที่ผ่านมามีคนไร้บ้านเสียชีวิตอย่างต่ำ 449 คน
เอมี่ เทส เป็นหนึ่งในคนไร้บ้านที่เสียชีวิตในเต็นท์แถบชานเมืองลิเวอร์พูล เธอมาจากครอบครัวที่เปราะบาง เคธี เทส (น้าของเอมี่) เล่าให้ฟังถึงประวัติครอบครัวเธอ พ่อของเคธีติดยาและฆ่าตัวตายโดยจุดไฟเผาบ้านตอนที่เธออายุเพียง 11 ปี หลังจากนั้นแม่ของเคธีต้องเลี้ยงลูกสี่คนด้วยตัวเอง หนึ่งในนั้นคือสตีเฟนพ่อของเอมี เคธีเล่าให้ฟังว่าการตายของพ่อส่งผลต่อลูกทั้งสี่ในวิถีทางที่ต่างกัน พี่น้องบางคนหันไปใช้ยา รวมถึงสตีเฟนด้วย สตีเฟนเสียชีวิตตอนอายุ 35 ปี แม่ของเอมี่ซึ่งก็ติดยาเหมือนกัน เสียชีวิตลงเมื่ออายุ 29 ปี
เอมี่ถูกนำตัวไปอยู่กับครอบครัวอุปถัมภ์ตอนอายุ 3 ขวบ เคธีซึ่งกำลังตั้งครรภ์ในวัย 17 ปี ต่อสู้เพื่อให้ได้สิทธิติดต่อกับหลานสาว ศาลอนุญาตให้เธอไปเจอเอมี่เดือนละครั้ง จากนั้นก็สัปดาห์ละครั้ง จนกระทั่งเมื่อเอมี่อายุได้ 11 ปี ความสัมพันธ์ของเธอกับครอบครัวอุปถัมภ์เริ่มย่ำแย่ สังคมสงเคราะห์ติดต่อมาหาเคธีอย่างปุปปับ จากนั้นเอมี่ก็ย้ายมาอยู่กับเคธีและลูก ๆ ของเธอ “เอมี่หัวเราะเสียงดัง เธอทำให้คนอื่นหัวเราะตามไปด้วย” เคธีเล่าถึงเอมี่ แต่เมื่ออายุราว 14 ปี เอมี่ก็เริ่มดื่มเหล้าและดื่มหนักขึ้นเรื่อย ๆ “เธอต่อสู้กับสิ่งที่เกิดขึ้นในหัวตัวเอง เธอพูดถึงแม่ของเธอ บอกว่าอยากมีครอบครัวแบบที่เรามี” ถึงแม้ว่าเคธีปฏิบัติกับเธอเหมือนกับลูกคนหนึ่ง เอมี่ก็รู้ดีว่าเธอไม่ใช่ลูกของเคธี ยิ่งเอมี่ดื่มหนักขึ้น เคธีก็กังวลว่าเธอจะกลายเป็นอิทธิพลที่ไม่ดีกับลูก ๆ เคธีคุยกับสังคมสงเคราะห์ให้เอมี่ย้ายไปอยู่กับยายของเธอ เอมี่ย้ายไปตอนอายุ 15 ปี “นี่อาจเป็นเรื่องที่ฉันเสียใจที่สุด แต่ฉันมีกฎว่าถ้าเธออยู่บ้านของฉัน เธอห้ามดื่มเหล้าหรือเล่นยา เพราะฉันไม่ต้องการให้ลูก ๆ เห็นสิ่งเดียวกับที่ฉันเห็นตอนเป็นเด็ก” เคธีกล่าว
ต่อมาตอนอายุ 17 เอมี่ย้ายไปอยู่บ้านจัดสรรของรัฐ ตอนอายุ 20 ปี เธอย้ายไปอยู่ในแฟลตขณะที่กำลังตั้งท้อง และถึงแม้ว่าเธอจะเลิกกับพ่อของเด็ก ช่วงเวลานั้นก็เป็นเวลาที่สงบสุขที่สุดในชีวิตเธอ เอมี่เป็นแม่ที่ดีจนกระทั่งเธอพบกับผู้ชายไม่ดีคนหนึ่ง เอมี่เริ่มกลับมาดื่มเหล้าและเล่นยา ไม่นานหลังจากนั้น เธอสูญเสียบ้านและไปอยู่บนท้องถนน เอมี่กลายเป็นคนไร้บ้าน ช่วงก่อนตายเธออาศัยอยู่ในเต็นท์กับแฟนคนหนึ่งและมีคุณสมบัติครบถ้วนสำหรับการเป็นผู้หญิงไร้บ้าน ทั้งเคยเป็นเหยื่อความรุนแรงในบ้าน ติดเหล้าและยา มีประวัติครอบครัวที่เละเทะและเปราะบางในหลาย ๆ ด้าน
หลังเอมี่ เทส ตายในเต็นท์ได้สามเดือน คนไร้บ้านอีกคนชื่อริชาร์ด คีย์โอ ก็ถูกพบในเต็นท์ขณะมีอาการโคม่าและเสียชีวิต สามวันหลังการเสียชีวิตของเขา นายกเทศมนตรีเมืองลิเวอร์พูล โจ แอนเดอร์สัน ประกาศว่าจะกำจัดเต็นท์ของคนไร้บ้านให้หมดไปจากเมือง และนำคนไร้บ้านไปอยู่ศูนย์พักพิง เมื่อถูกถามว่ารู้สึกอย่างไรกับการตายของคนไร้บ้านทั้งสอง เขาตอบว่า “โกรธอย่างที่สุด เวลาเราพูดถึงการขจัดสภาวะไร้บ้าน มันไม่ใช่แค่ให้คนไร้บ้านเลิกอยู่ในเต็นท์ มันไม่ใช่แค่หาที่อยู่ให้ มันคือการหางานให้พวกเขา มันคือการเปลี่ยนแปลงการใช้ชีวิต” เมื่อถามว่าโกรธอะไรมากที่สุด นายกเทศมนตรีตอบว่า “ระบบ ทุกคน ตัวผมเอง! ผมรู้สึกผิดเพราะผมเป็นคนบริหารสภาเทศบาลเมือง ผมบริหารระบบที่ไม่ทำงานร่วมกัน มันเจ็บปวด” เอมี่เองก่อนจะออกมาเป็นคนไร้บ้านและเสียชีวิตบนท้องถนน ก็ถูกจำคุกและถูกปล่อยตัวออกมาทั้ง ๆ ที่เธอยังมีปัญหาเสพยาและที่อยู่ที่รัฐจัดสรรให้ก็เต็ม นายกเทศมนตรีเองกล่าวว่าหากเขารู้เรื่องนี้ เอมี่อาจจะยังไม่ตาย การตายของเอมี่เกิดจากการไม่ทำงานร่วมกันของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขกับเรือนจำ และการให้คนไร้บ้านอยู่ในเต็นท์ก็ทำให้เราไม่รู้ว่าพวกเขาปลอดภัยดีไหม มีการเสพยาหรือพวกเขาทำร้ายตัวเองหรือเปล่า
สภาวะการไร้บ้านและความเสี่ยงต่อการไร้บ้านย่ำแย่ลงมากในเมืองลิเวอร์พูลในไม่กี่ปีที่ผ่านมา เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมามีคนอย่างต่ำ 86 คน เข้ามาใช้สถานพักพิงคนไร้บ้านทุกคืน ปีที่แล้วคนจำนวนถึง 5,000 คน มาขอใช้บริการ Housing Options ซึ่งเป็นบริการป้องกันไม่ให้ผู้คนไร้บ้าน องค์กรอีกแห่งที่ชื่อว่า Whitechapel ซึ่งทำงานเรื่องคนไร้บ้านมาหลายสิบปีกล่าวว่า เมื่อห้าปีที่แล้วมีคนมาขอความช่วยเหลือจากองค์กร 1,800 คน แต่ปีที่แล้วมีถึง 4,025 คน และสาเหตุที่ทำให้คนไร้บ้านก็คือหนี้ ซึ่งเป็นผลมาจากการปฏิรูปสวัสดิการที่ทำให้คนไม่สามารถจ่ายค่าที่อยู่อาศัยได้
Langan คนทำงานเรื่องคนไร้บ้านกล่าวว่าปัญหาการไร้บ้านเป็นปัญหาการเมือง ในปี 1997 ที่พรรคแรงงาน (The Labour Party) ให้ความสำคัญกับปัญหาเรื่องคนไร้บ้านและออกนโยบายมาแก้ไข คนไร้บ้านลดลงถึงสามในสี่ “เราไม่ควรมีคนไร้บ้านอีกแล้วในปี 2019 คนไร้บ้านไม่ได้เลือกตั้ง รัฐบาลเลยไม่สนใจพวกเขา นี่มันคือการทำงานอย่างไร้ประสิทธิภาพรึเปล่า? ไม่ใช่ นี่คือความโหดร้ายและละโมบ ในประเทศที่ร่ำรวยแบบนี้เราไม่ควรจะมีคนนอนอยู่หน้าประตู” ทั้งเคธีและ Langan เรียกสิ่งที่เกิดขึ้นว่าวัฒนธรรมการไม่สนใจ “สังคมเรากลายเป็นสังคมโหดร้ายและเย็นชา มันเป็นสังคมที่คนสนใจแค่ ฉัน ฉัน และตัวฉัน มีคนไร้บ้านคนหนึ่งที่เรารู้ว่าเขาเป็นมังสวิรัติ และเวลาที่คนเอาแฮมให้เขากิน เขาก็จะบอกว่า “ไม่ล่ะ ขอบคุณ ผมกินมังสวิรัติ” แล้วคนบางคนก็จะแบบว่า “โห ฉันอุตส่าห์ให้แฮม แต่เขาไม่กิน” พวกเขาจะไม่พอใจ ฉันก็จะบอกไปว่า แล้วคุณได้ถามเขารึเปล่า ว่าเขาต้องการอะไร แค่เพราะว่าเขาเป็นคนไร้บ้านไม่ได้หมายความว่าเขาไม่มีสิทธิเลือกนะ”
ที่มา: https://www.theguardian.com/cities/2019/sep/17/the-homeless-death-of-aimee-teese-i-didnt-think-it-would-come-to-this-at-30