เมื่อรัฐไล่ที่คนไร้บ้าน ประชาชนจึงออกมาประท้วง
ที่ลอสแอนเจลิส สหรัฐฯ ประชาชนนับร้อยรวมตัวชุมนุมเพื่อประณามต่อต้านนโยบายการขับไล่ผู้ไร้บ้านให้ออกจากพื้นที่ในสวน เพียงเพราะได้รับร้องเรียนว่าพวกเขานั้นอันตราย
ที่ลอสแอนเจลิส สหรัฐฯ ประชาชนนับร้อยรวมตัวชุมนุมเพื่อประณามต่อต้านนโยบายการขับไล่ผู้ไร้บ้านให้ออกจากพื้นที่ในสวน เพียงเพราะได้รับร้องเรียนว่าพวกเขานั้นอันตราย
ที่ออสเตรเลีย ท่ามกลางจำนวนคนไร้บ้านที่เพิ่มสูงขึ้น “Sleepbus” นวัตกรรมเพื่อสังคมโดยภาคประชาชนจึงถือกำเนิดขึ้นเพื่อแก้ปัญหานี้ โดยเฉพาะในเวลาที่มีผู้ต้องการที่พักพิงยามฉุกเฉิน และเบื้องหลังภาวะไร้บ้านของที่นี่คืออะไร?
ที่สหราชอาณาจักร ในปี 2020 มีรายงานว่ามีคนไร้บ้านเสียชีวิตเพิ่มขึ้นจากปีก่อนมากกว่าหนึ่งในสาม และในจำนวนผู้ไร้บ้านที่เสียชีวิตนั้นมีความเกี่ยวข้องกับปัญหาการใช้สารเสพติดและการฆ่าตัวตาย
เมื่อประชาชนกำลังจะไร้บ้าน แต่รัฐบาลอาจไม่เคยได้รับรู้ สิ่งนี้ทำให้สก็อตแลนด์ตระหนักได้ว่า จะต้องสอบถามติดตามเพื่อให้รู้ว่าพวกเขานั้นยังอยู่ดีกับที่อยู่อาศัยตอนนี้หรือไม่ และการทำเช่นนี้ ช่วยแก้ปัญหาได้อย่างไร?
การใช้ข้อมูลเพื่อแก้ไขปัญหาคนไร้บ้าน ทำให้เมืองซานตาเฟ่ สหรัฐฯ แก้ไขปัญหาคนไร้บ้านได้อย่างยั่งยืนและเป็นระบบมากยิ่งขึ้น เมืองนี้ทำได้อย่างไร?
เมื่อปัญหาคนไร้บ้านกลายเป็นวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ของเมืองลอสแองเจลิส รัฐจึงร่วมมือกับเอกชนสร้างหมู่บ้านหลังเล็กให้พร้อมอุปกรณ์การใช้ชีวิตอย่างเสร็จสรรพ
ช่างไม้ชาวแคนาดาถูกสั่งห้ามสร้างที่อยู่เพื่อคนไร้บ้านในช่วงการแพร่ระบาดของ COVID-19 โดยทางการให้เหตุผลว่าที่อยู่อาศัยเหล่านั้นดูอันตราย ในขณะที่ทางการไม่ได้ทำอะไรเพื่อคนไร้บ้านในช่วงโควิดเลย
หากย้อนไปยี่สิบกว่าปีก่อน คงไม่มีใครคาดคิดว่าโคบายาชิจะประสบความสำเร็จเช่นนี้ โคบายาชิเล่าว่า เขาถูกไล่ออกจากบ้านในวัยเพียง 17 ปี หลังจากเขาลาออกจากโรงเรียนเพื่อเล่นดนตรี เขาเล่นดนตรีตอนกลางวันและต้องนอนริมถนนตอนกลางคืน โดยใช้กระดาษลังป้องกันตัวจากความหนาวเหน็บ เขาตกอยู่ในภาวะไร้บ้านเป็นเวลาปีครึ่ง และฝ่าฟันหน้าหนาวอันทรหดถึงสองครั้ง
ในยุคโควิด อิเกะดะย้ำว่าความพยายามอย่างเดียวไม่เพียงพอที่จะต่อสู้กับภาวะไร้บ้าน ภาวะไร้บ้านยังเป็นผลมาจากการเมืองและสังคมที่ไม่มีหลักประกันเมื่อคน ๆ หนึ่งเกิดมรสุมปัญหาชีวิต
คนไร้บ้านมีแนวโน้มเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างต่อเนื่อง และการแพร่ระบาดของโควิดทำให้ปัญหานี้รุนแรงยิ่งขึ้น เฉพาะในเมืองแมนเชสเตอร์ รัฐนิวแฮมป์เชียร์ มีคนไร้บ้านอาศัยอยู่ในพื้นที่สาธารณะเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว
ชายไร้บ้านอายุ 45 ปี ชาวบราซิลผู้ชื่อว่า João Coelho Guimarães เป็นคนไร้บ้านและขาดการติดต่อกับครอบครัวมาเป็นสิบปี จนกระทั่งวันที่เขาเดินเข้าร้านตัดผม
ศูนย์พักพิงชั่วคราวได้รับคำชื่นชมและถูกเรียกว่าเป็น “ปาฏิหาริย์คริสต์มาส” โดยมีทั้งรูปแบบที่ pop-up หรือสร้างขึ้นชั่วคราว และมีแบบรถบัสซึ่งถูกนำมาใช้เป็นศูนย์พักพิงชั่วคราวด้วย ข้างในศูนย์พักพิงชั่วคราวมีปัจจัยพื้นฐานและเครื่องอำนวยความจัดเตรียมไว้ให้คนไร้บ้าน เช่น ห้องส่วนตัวเล็กๆ เครื่องทำความร้อน ห้องน้ำ บริการซักผ้า อินเทอร์เน็ต และคนช่วยดูแลความปลอดภัย