ที่เมือง Oakland มลรัฐ California สหรัฐฯ “Cob on Wood” ถือกำเนิดขึ้นภายใต้พื้นที่ที่ถูกทิ้งให้รกร้าง กลายเป็นชุมชนคนไร้บ้านที่มีสิ่งจำเป็นในการใช้ชีวิตครบครัน และที่นี่ยังมอบความเป็นชุมชนและศักดิ์ศรีความเป็นคนคืนแก่ผู้ไร้บ้านอีกด้วย
องค์กรสัมพันธมิตรเพื่อคนไร้บ้านในนครนิวยอร์ก สหรัฐฯ ออกรายงานประเมินการทำงานของรัฐในการแก้ไขปัญหาคนไร้บ้านโดยเฉพาะช่วงการแพร่ระบาดของ COVID-19 และนี่คือผลประเมินที่รัฐบาลท้องถิ่นนิวยอร์กได้รับ
ผู้ว่าแคลิฟอร์เนียและรัฐบาลกลางสหรัฐจับมืออัดฉีดงบประมาณให้มาตรการจัดหาที่อยู่อาศัยสำหรับคนไร้บ้าน เปลี่ยมโฉมโรงแรมเป็นที่พักอุปถัมภ์ถาวร เหตุโควิดระบาดหนัก อาจพรากชีวิตคนไร้บ้านจำนวนมากได้
รัฐบาลสหรัฐฯ ทุ่มงบประมาณ 5 พันล้านบาทเพื่อแก้ไขปัญหาคนไร้บ้าน พร้อมเป้าหมายคือการลดจำนวนผู้ไร้บ้านให้ได้ 1.3 แสนคนภายใน 12-18 เดือน
ทางการลอสแอนเจลิส สหรัฐฯ ถูกศาลสั่งให้จัดหาที่อยู่ให้คนไร้บ้านที่อาศัยในชุมชนคนไร้บ้านที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งใน LA โดยสั่งให้ดำเนินการแล้วเสร็จภายในกลางเดือนตุลาคม 2021
การใช้ข้อมูลเพื่อแก้ไขปัญหาคนไร้บ้าน ทำให้เมืองซานตาเฟ่ สหรัฐฯ แก้ไขปัญหาคนไร้บ้านได้อย่างยั่งยืนและเป็นระบบมากยิ่งขึ้น เมืองนี้ทำได้อย่างไร?
เมื่อปัญหาคนไร้บ้านกลายเป็นวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ของเมืองลอสแองเจลิส รัฐจึงร่วมมือกับเอกชนสร้างหมู่บ้านหลังเล็กให้พร้อมอุปกรณ์การใช้ชีวิตอย่างเสร็จสรรพ
ปัญหาที่อยู่อาศัยเป็นปัญหาของประชากรทุกคน และเราต้องไม่ลืมคำนึงถึงประชากรกลุ่มเปราะบางอย่างคนจนเมืองหรือคนหาเช้ากินค่ำ ผู้ซึ่งได้รับผลกระทบจากการที่ราคาที่อยู่อาศัยมีอัตราสูงด้วยเช่นกัน นี่เป็นปัญหาใหญ่ต่อชีวิตความเป็นอยู่ของพวกเขาอย่างมาก
จำนวนคนไร้บ้านในเมืองนิวยอร์กพุ่งสูงที่สุดเท่าที่เคยมีมา ณ ขณะนี้มีคนไร้บ้านกว่า 79,000 คนอาศัยอยู่ทั้งในศูนย์พักพิงและบนท้องถนน จำนวนคนไร้บ้านที่ว่ามาเพิ่มขึ้นมาจาก 64,000 คน หลังนายกเทศมนตรีนิวยอร์ก บิล เดอ บลาซิโอ เข้ามาดำรงตำแหน่ง นายกเทศมนตรีถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักต่อความล้มเหลวในการจัดการกับสภาวะไร้บ้าน เจ้าหน้าที่เมืองนิวยอร์กจึงตกลงกันผลักดันร่างกฎหมายเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว
ตัวเลขของประชากรคนไร้บ้านที่อาศัยอยู่ตามท้องถนนในรัฐแคลิฟอร์เนียเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สถานการณ์คนไร้บ้านที่เพิ่มสูงขึ้นกลายเป็นแบบทดสอบความอดทนอดกลั้นและความเห็นอกเห็นใจของผู้คนในรัฐแคลิฟอร์เนียซึ่งภูมิอกภูมิใจในความเสรีนิยมของรัฐ
กลุ่มคนที่เปราะบางมากอย่างกลุ่มคนผิวสีหรือคนรายได้น้อย มีความเสี่ยงสูงที่สุดเมื่อเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติ เพราะไม่มีทรัพยากรในการเคลื่อนย้ายที่อยู่ก่อนจะเกิดภัยพิบัติ และไม่มีทรัพยากรมาสร้างที่อยู่อาศัยใหม่หลังจากภัยพิบัติเกิดขึ้น ภัยพิบัติทางธรรมชาติและการเข้าถึงที่อยู่อาศัยจึงเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกัน และต้องได้รับการแก้ไขไปพร้อม ๆ กัน
ขณะที่รัฐแคลิฟอร์เนียสามารถบริหารงบประมาณได้เกินดุล แต่ทำไมปัญหาคนไร้บ้านและราคาที่อยู่อาศัยกลับเพิ่มสูงขึ้น
